บางครั้งการอยู่ที่ใดที่หนึ่งสักระยะก็พอจะทำให้เราทบทวนตัวเองได้ควรจะตัดสินใจทำอย่างไรต่อ เช่นเดียวกับ Miracle Workman ที่มองว่าการเรียนคงไม่เหมาะกับเธอ
เมื่อสิ้นสุดภาคเรียนแรกที่วิทยาลัย Mat-Su สถานศึกษาเล็ก ๆ ในเมือง Palmer กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตของ Workman เมื่อเธอตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อ โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2013 ซึ่งเธออายุ 18 ปี กำลังเลือกอยู่ว่าจะทำอาชีพอะไรดี ทำให้เธอกลับไปทำงานในโรงเรียนมัธยมปลายที่ร้านพิซซ่าในตำแหน่งพนักงานต้อนรับ
อย่างไรก็ตาม แรงบันดาลใจของเธอเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนต่อมาในสถานที่ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ นั่นคือศูนย์ศัลยกรรมแพทย์พลาสติก โดยตอนนั้น Workman พร้อมด้วยสามีเดินทางไปเยี่ยมแม่ฝ่ายชาย และได้พบกับการรักษาสิวด้วยเลเซอร์ จุดนี้นี่เองที่ทำให้มีความชื่นชอบในเรื่องของความสวยความงามขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว
จากจุดเริ่มต้นที่เล่ามานั้น Workman กลับมาที่บ้าน และไม่รีรอที่จะเข้า Google เพื่อค้นหาโรงเรียนเสริมความงาม โดยข้อกำหนดในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความงามใน Alaska นั้น คุณจะต้องเรียนจบอย่างน้อย 350 ชั่วโมงในหลักสูตรการศึกษาที่รัฐบาลอนุมัติ รวมถึงต้องผ่านการสอบ 2 ครั้ง เพื่อรับใบอนุญาตช่างเสริมสวย ส่วนรัฐอื่น ๆ เช่น นิวยอร์ก จะต้องใช้เวลาเรียนไม่ต่ำกว่า 600 ชั่วโมง
ในปี 2015 Workman เริ่มเข้าเรียนที่ศูนย์ฝึกอบรม MetroOasis ในเมือง Anchorage เป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ ตั้งแต่จันทร์-ศุกร์ ส่วนวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ไปทำงานที่ร้านพิซซ่า
“มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ฉันชอบทุกชั้นเรียนที่เข้าไปเรียน มันจึงไม่มีความรู้สึกเหมือนเป็นการทำงานเลย” Workman กล่าว
Workman ลงเรียนวิชาแต่งหน้า กำจัดขน เขียนคิ้ว และการลอกผิวด้วยสารเคมี โดยเธอประเมินว่าต้องใช้เงินประมาณ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับค่าเล่าเรียน อุปกรณ์การเรียน การสอบ และค่าธรรมเนียมใบอนุญาต หลังจากนั้น เธอก็สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนด้านความงามในเดือนพฤษภาคม 2015
ในที่สุด Workman ได้ก่อตั้งธุรกิจความงามของตัวเองขึ้นมา เธอให้ความสำคัญกับการสร้างลูกค้า และประสบการณ์เป็นอันดับแรก แม้จะมีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จนทำให้ Alaska ต้องประกาศล็อกดาวน์ในเดือนมีนาคม 2020 จนทำให้ธุรกิจต้องปิดชั่วคราว แต่เธอได้ใช้ช่วงเวลานี้ร่างแผนธุรกิจขึ้นมา
เมื่อ Workman กลับมาเปิดร้านอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม 2020 เธอได้เช่าห้องด้านหลังของร้านทำผมในราคา 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ/เดือน
“ฉันอยากเริ่มทำงานกับลูกค้าทันที เลยตัดสินใจอย่างเร่งรีบ และทำทุกอย่างที่ต้องทำเพื่อเปิดร้าน โดยใช้บัตรเครดิตธุรกิจเพื่อช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นธุรกิจ รวมถึง โดเมนเว็บไซต์, แปรง และอุปกรณ์อื่น ๆ รวมทั้งหมด 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และจ่ายหนี้หมดภายใน 2 เดือน หลังเปิดร้าน” Workman กล่าว
เครื่องมือที่สำคัญที่ทำให้ธุรกิจของ Workman ประสบความสำเร็จ คือ Instagram โดยมีลูกค้าหลายรายติดตามเพจ และส่งข้อความเพื่อนัดหมายเวลาเข้าใช้บริการ อีกทั้ง เมื่อธุรกิจเริ่มดำเนินการ เธอก็ได้แชร์รูป และวิดีโอเบื้องหลังการทำงาน รวมถึงบริการให้ผู้คนได้ดู
ด้านบริการที่ได้รับความนิยมของร้าน คือ การจัดทรงคิ้ว, การลอกผิวด้วยสารเคมีอย่างอ่อนโยน โดยค่าบริการมีตั้งแต่ 25-329 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ และระยะเวลาในการรักษา
ตามเอกสารภาษีและการเงินที่ได้รับการตรวจสอบโดย CNBC Make It พบว่าภายใน 12 เดือน หลังจากการเปิดร้าน Workman มีกำไรสุทธิ 115,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเธอมีลูกค้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้าจากที่ทำงานเก่า, ลูกค้าที่ walk-in เข้ามา ตลอดจนลูกค้าที่ติดตาม Instagram
ในปี 2022 ถือเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของ Workman โดยในเดือนมกราคม เธอซื้อร้านทำผมที่หน้าอาคาร และเริ่มมีการจ้างพนักงาน
Workman กล่าวว่าข้อดีอย่างหนึ่งของการทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านความงามคือตารางเวลาที่ยืดหยุ่น ก่อนจะเปิดสถานประกอบการของตัวเอง ตนทำงานได้น้อยกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และปรับชั่วโมงทำงานตามความพร้อมของลูกค้า
“ปกติฉันทำงาน 15-20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่บางครั้งก็ทำงานเพียง 3 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ฉันมีลูกค้าจำนวนมากที่แวะมาในช่วงพักเที่ยง หรือมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพราะว่าพวกเขาทำงานที่บ้านในบางวัน” Workman กล่าว
จนมาถึงวันนี้ธุรกิจของเธอก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ 7 หลัก (คิดเป็น 6.3 ล้านบาท) ผ่านร้านเสริมสวยที่มีชื่อว่า Studio Sol ที่เป็นทั้งร้านทำผม และสตูดิโอเกี่ยวกับความงาม
ที่มา: CNBC