ไม่แข่ง..ก็เหมือนแข่งกลาย ๆ สำหรับการ Coming Soon !! ของ “GO WHOLESALE” (โก โฮลเซลล์) สโตร์ค้าส่งสุดพรีเมียมและทันสมัย ยิ่งใหญ่และใหม่ส่าสุด โดยกำหนดปังธงแล้ว เตรียม Grand Opening เป็นสโตร์ต้นแบบและสาขาแรก ย่านถนนศรีนครินทร์ วันที่ 27 ต.ค.66 นี้ ซึ่งสร้างความสั่นสะเทือนวงการธุรกิจค้าส่งของไทยเป็นอย่างมาก
เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 35 ปี คนไทยจะรู้ดีว่า ห้างค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดนั่นคือแบรนด์อักษรย่อ “M” หลายคนอาจมองว่า มันคือการผูกขาด หรือหลายคนอาจมองว่า พึงพอใจกับการเข้าไปจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคของค่ายนี้ เพราะได้ราคาส่งที่ถูก สินค้ามียี่ห้อ ได้มาตรฐาน และมีสาขาให้เข้าถึงกว่า 133 สาขาทั่วประเทศ โดยถ้าเจอห้างค้าส่งที่ถูกใจ ก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจไปซื้อของที่อื่น
แต่ลองคิดดี ๆ อีกมุมนะว่า จริง ๆ แล้ว.. คุณไม่อยากเปลี่ยนไปซื้อที่อื่น หรือ.. มันไม่มีที่อื่นให้คุณไปซื้อ เหมือนกับ “ห้าง M” กันแน่ ?
เจตนาของ Smart SME ไม่ได้จะมาปลุกปั่นแต่อย่างใด แต่ต้องการจะบอกว่า ท้ายที่สุดเป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะการกำเนิดใหม่ของ GO WHOLESALE สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ โดยเฉพาะร้านอาหาร โรงแรม ร้านของชำในชุมชนต่าง ๆ รวมไปถึงผู้บริโภครายย่อย ซึ่งคนไทยจะได้มีทางเลือกในการเข้าไปจับจ่ายสินค้าที่เป็นห้างสรรพสินค้า หรือ สโตร์ที่ค้าส่งวัตถุดิบอาหารครบวงจรเป็นที่แรก หรือบางคนอาจจะมองว่า มีตัวเลือกอีกแบรนด์ก็ดีนะ อันนี้ก็สุดแท้แล้วแต่มุมมองความคิดของแต่ละคน
แต่สิ่งที่ประทับใจและโดนใจ คือ “โก โฮลเซลล์” เปิดตัวสโตร์ค้าส่ง โดยดึงเอา Pain Point ของผู้ประกอบการ (Entrepreneur) และผู้บริโภค (Buyers) ทั้ง B2B และ B2C นำมา R&D ทั้งในตัว Facilities สินค้าและบริการตลอดจนเรื่องของ Service ที่เข้าใจลูกค้าหรือ Business Partner ว่า ต้องการอะไร อยากได้อะไร ให้มาที่ โก โฮลเซลล์ ตรงนี้หมายความว่า All in 1 ครบจบในที่เดียว
เพราะลองคิดดูดี ๆ สมมติว่า ทุกวันนี้ หากคุณเป็นเจ้าของร้านอาหาร อยากจะซื้อ เนื้อสัตว์ ก็ต้องไปที่ห้าง M ถึงจะได้ราคาถูกและสดใหม่ แต่วัตถุดิบบางอย่างไม่มีที่ห้างดังกล่าว เช่น เครื่องปรุง, ซอส, เครื่องเทศโบราณบางตัว ฯลฯ คุณก็ต้องตระเวนไปหาซื้อตามร้านค้าในตลาดสดแห่งใหญ่ หรือต้องดิวซ์ตรงสั่งซื้อกับผู้ผลิตเอง ซึ่งมันค่อนข้างวุ่นวาย เสียเวลา เสียต้นทุนมาก ๆ แต่การมาของ โก โฮลเซลล์ คือ ตอบโจทย์ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม ร้านขายของสด-ร้านชองชำ จริงแท้แน่นอน
ถ้ากล่าวให้เข้าใจง่าย ๆ “GO WHOLESALE” (โก โฮลเซลล์) ก็คือหนึ่งในโปรเจกต์ลูกของ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (Central Retail Corporation Public Company Limited : CRC) นั่นเอง โดยการคลอด “โก โฮลเซลล์” นี้ขึ้นมาแน่นอนว่า ไม่ได้มาเล่น ๆ บอกเลย เพราะอย่างที่ทราบว่า CRC ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมากว่า 75 ปี จากการสร้าง Platform of Trust ให้กับลูกค้า พาร์ทเนอร์ ซัพพลายเออร์ พนักงาน ชุมชน และนักลงทุน พร้อมทั้งมี Ecosystem ที่แข็งแกร่งด้วย Multi-category ใน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มฟู้ด แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ พร็อพเพอร์ตี้ และเฮลธ์แอนด์เวลเนส ซึ่งครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้า B2C และ B2B
ตลอดจนมีจุดแข็งในเรื่องของบุคลากรที่มีศักยภาพ (People Advantage) ทำให้ CRC สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี
โดยผลประกอบการในปี พ.ศ.2565 (ปี 2023) ที่ผ่านมา CRC สร้างรายได้ 236,245 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 7,605 ล้านบาท พร้อมทั้งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ถึง 278,934 ล้านบาท ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2565 ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ CRC พร้อมมากที่จะลุย ! ขยายธุรกิจฟู้ดในรูปแบบสโตร์หรือห้างค้าส่งสักที
อีกหนึ่งไฮไลท์ คือ การได้สุภาพสตรีที่มากความสามารถคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงธุรกิจค้าส่งของเมืองไทยมากว่า 30 ปี นั่นคือ คุณสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ ธุรกิจในเครือ CRC เข้ามาเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารด้วย นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันและเครื่องหมายการค้าว่า “ตัวแม่ธุรกิจค้าส่ง” มาเอง !!
เปิดสัมภาษณ์พิเศษ ! “CEO โก โฮลเซลล์” กับกลยุทธ์พิชิตใจลูกค้า
GO WHOLESALE เกิดขึ้นได้จากการที่ได้ทำวิจัยและเก็บ Research ในการพูดคุยกับลูกค้า โดยเสียงลูกค้าบอกกลับมาว่า อยากมีที่ใหม่ ๆ ให้เข้าไปเลือกซื้อบ้าง ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้บริหารเอามาคุยกัน ว่า แล้วถ้าหากเราทำที่ใหม่ให้ลูกค้าได้ จะมี NEW EXPERIERN อะไรให้ลูกค้าได้เลือกบ้าง ? จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการริเริ่มโปรเจกต์นี้
ในเมืองไทย ถ้าเอ่ยถึงกลุ่ม Entrepreneur และ Buyers เฉลี่ยมีอยู่ราว ๆ 30 ล้านครัวเรือน เพราะฉะนั้น ธุรกิจท่องเที่ยว เรื่องของอาหาร จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ น่าจะเติบโตกว่า 400,000 ล้านบาท
และอย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่า Store ที่แรกที่จะเปิดให้บริการ คือ Zone ศรีนครินทร์ โดยผู้บริหารวางแผนเปิด Store ละ 1 เดือน (เท่ากับ 4 แห่งในปี 2566 นี้) เหตุผลคือ ศรีนครินทร์ เป็น Location มีประชากรหนาแน่น
ทั้งนี้ โก โฮลเซลล์ ให้ความสำคัญกับลูกค้า SMEs ทุกระดับ เพราะคิดเสมอว่า ผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์ รวมถึงลูกค้า คือ พาร์ทเนอร์ จึงต้องพัฒนาสินค้าและบริการร่วมกัน ต้องพึ่งพากันไปตลอด
นอกจากนี้ โก โฮลเซลล์ ไม่มีนโยบายทำธุรกิจแข่งกับลูกค้าเด็ดขาด ! ต้องเคารพต่อลูกค้า ต่อซัพพลายเออร์ของเรา ทุกคน เพราะทุกคน คือ Business Partner ของเราทั้งหมด
ล่าสุด ในเรื่องการดำเนินขยายสโตร์นั้น เราได้รับการสนับสนุนจาก CRC เป็นอย่างมาก ในการสำรวจ Location ที่จะเปิดบริการทั่วประเทศ ซึ่งพื้นที่หรือที่ดินที่จะเปิด GO WHOLESALE ตอนนี้ มีเตรียมการรองรับเพื่อดำเนินการก่อสร้างร่วมกว่า 70 สาขาทั่วประเทศไทย
บริการที่ GO WHOLESALE พร้อมนำเสนอและสร้างความแตกต่าง
• เราอยากให้ลูกค้าเข้ามา แล้วพบว่า นี่คือ New Experience จริง ๆ เพราะสโตร์เราทันสมัยมาก เชื่อว่า ทุกคนต้องร้องว้าว ! เรามีในส่วนของ Fresh Area ที่ใหญ่โตมาก ๆ และเราจะมี LIVE AQUARIUM คือ โซนที่พนักงานจับกุ้งจากตู้กระจกแบบเป็น ๆ ให้ลูกค้าได้เลือกเดี๋ยวนั้น ! เป็นต้น
• เราจะมีห้องตัดแต่งเนื้อสไลด์ เนื้อสเต๊ก ให้ลูกค้า เราสามารถ Customization ให้กับลูกค้าได้ทั้งหมด
• ตอบสนองสินค้าอาหารและบริการครบวงจร โดยเฉพาะกลุ่มโฮเรก้า (Horeca) ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและจัดเลี้ยง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจค้าส่ง
• บัตร The 1 Card ลูกค้าที่มีบัตร เอาไปใช้ในเครือฯ CRC ได้รับสิทธิพิเศษได้ทั้งหมด เช่น ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก หรือ Department Store ในเครือฯ CRC
• Energy Saving บริการสถานีชาร์จพลังงานรถยนต์ EV และเรื่องของ SOLAR ROOFTOP เราก็มีออกแบบภายใต้แนวคิด ESG
• O2O (Online to Offline) บริการสั่งผ่านแอปฯ และ บริการส่ง Delivery ใน Area ที่กำหนด โดยใช้ยานยนต์ไฟฟ้า
• เราต้องการให้ ลูกค้าทุกคน ได้สินค้าที่ดีกว่า ต้นทุนที่ถูกกว่า และประหยัดเวลากว่า นั่นคือ เป้าหมายของ “โก โฮลเซลล์”
ถูกมอง.. ท้าชน-พร้อมไฟท์ !! กับห้างค้าส่งโดยตรง ?
ประเด็นดังกล่าว ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายคนจะมอง แต่สำหรับผู้บริหารของ GO WHOLESALE ไม่คิดเปรียบเทียบกับเจ้าใหญ่ โดยต้องบอกตรง ๆ ว่า ตั้งแต่เริ่มคิดจะทำ GO WHOLESALE ก็ไม่ได้สนใจคู่แข่งเลย เราสนใจแต่ว่า ลูกค้าต้องการอะไร เพราะเรามีการทำ Research ลงไปคุยกับผู้ประกอบการร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม ฯลฯ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของเรา โดยลูกค้าขาดเหลืออะไร ต้องการอะไร นั่นคือสิ่งที่ GO WHOLESALE จะเข้ามาตอบโจทย์
ยกตัวอย่างเปรียบเทียบง่าย ๆ เวลาเราไปเติมน้ำมันรถ ไม่ว่าคุณจะเข้าไปเติมที่ปั๊มไหน ๆ มันก็เหมือนกัน แต่ในเรื่อง Service นี่ล่ะ ที่เราจะทำให้แตกต่าง ซึ่งอยากให้มองว่า เราเริ่มต้นใหม่ นั่นคือ เราได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ และเปิดรับทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่
คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ได้เคยกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า
“ถ้าเราจะเริ่มอะไรก็แล้วแต่ แน่นอนเราก็อยากจะเป็นผู้นำ แต่ความหมายของเรา คือ การเป็นผู้นำ ไม่จำเป็นต้องมียอดขายที่สูงกว่าคู่แข่ง แต่เรามีวิสัยทัศน์ และอยากจะเป็นคนที่.. ถ้าลูกค้าอยากจะได้อะไร ให้นึกถึง GO WHOLESALE ก่อน เราจึงถือว่าเราเป็นผู้นำ
ตอนนี้ เรามีทีมงานที่เข้มแข็งมาก ๆ และเราก็อยากให้ Partner ของเราอยู่กันได้ตลอดทั้ง Chain ถ้าเราอยู่รอด แต่พาร์ทเนอร์อยู่ไม่ได้ สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับที่ GO WHOLESALE และ CRC อย่างแน่นอน
เราต้องการเป็น King Of Foods ของค้าส่ง เราคือ B2B แต่ถ้าไปเปรียบเทียบกับ Tops daily นั่นคือ B2C เพราะฉะนั้น สินค้าและราคาย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว”
ยึดหลักบริหาร “สูตรแห่งความสำเร็จ” กับคอนเซ็ปต์ “โตเร็ว โตไว โตไปกับ GO”
คุณสุชาดา อิทธิจารุกุล บอกว่า ใน 5 ปีนี้คาดหวัง Market Share ของตลาดค้าส่งนี้ ต้องบอกว่า ตลาด WHOLESALE มันเติบโตเรื่อย ๆ 5% เพราะฉะนั้น เราก็ต้องเติบโตมากกว่า 5% ในทุก ๆ ปีเช่นกัน แต่ช่วงแรก ๆ เรายอมรับว่าเราใหม่ เราก็อยากให้ลูกค้ารู้จักเราก่อน ให้เป็นไปตามแผนดำเนินการของแต่ละเฟส
อย่างที่บอกว่า เราเปิดทั้งหมด 4 สโตร์ในปีนี้ ซึ่งก็ต้อง Book รายได้เข้ามาทันที ประมาณการคร่าว ๆ ราว 500 ล้านบาท (โดยประมาณการ) ที่เราตั้งเป้ารายได้ทั้ง 4 สโตร์นี้ แต่ต้องยอมรับว่า ช่วงเฟสแรก ๆ มันคือเรื่องของการลงทุนไปก่อน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของการทำธุรกิจ
เรามองว่า เราสู้กับตัวเราเองมากกว่า ถ้ามองว่า เราจะทำเพื่อไปแข่งขันกับห้างค้าส่งรายใหญ่ที่มีอยู่แล้ว ถ้าคิดแบบนี้ เริ่มต้นก็ผิดแล้ว หรือถ้ามองว่า ถ้ารายใหญ่เขาอยากจะรับน้องเรา ก็แสดงว่า เขาให้ความสนใจเรานะ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ก็ขอให้เขารับน้องแบบน่ารัก ๆ หน่อย
เพราะอย่างที่ได้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบว่า ผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งอาจจะชอบรถดีเซล อีกกลุ่มอาจจะชอบรถเก๋งเติมเบนซิน ส่วนเรา ขอให้มองว่า เป็นรถ EV เพราะฉะนั้น เราเริ่มจากศูนย์ แต่เราเชื่อว่า จะมีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถ EV แน่นอน เพราะเราได้ Research มาหมดแล้วอย่างที่บอกไป
เรามองว่า ตลาดค้าส่ง มันต้องมีทางเลือกให้ลูกค้าได้เลือกบ้าง เพราะถ้าเราไม่ทำ คนอื่นเขาก็ต้องทำอยู่ดี เพราะฉะนั้น ดัชนีชี้วัด คือ ลูกค้าจะเป็นคนเลือกและให้คำตอบกับเราเอง
“ถ้าเราอยากจะบอกคนอื่น ว่า ตัวฉันเป็นคนดี คนเก่ง แบบนี้ไม่ได้.. แต่ต้องให้คนอื่นเป็นคนพูดแทน”
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ คือ บทสัมภาษณ์แบบ Exclusive ของผู้บริหาร GO WHOLESALE ที่ Smart SME ตั้งใจนำมาฝากเพื่อน ๆ ทั้งนี้ ‘ซีอีโอ’ ยังได้ฉายวิสัยทัศน์อีกว่า แนวโน้มและทิศทางของมูลค่าตลาดค้าส่ง ในประเทศไทยขณะนี้ ต้องบอกว่า ในธุรกิจค้าส่งนี้มันจะผสมปน ๆ กันอยู่ ใน 2.6 ล้านล้านบาท
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ อย่างซัพพลายเออร์ที่บางเจ้าเขาจัดส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภคด้วยตัวเอง (B2C) เราก็เรียกว่า ตลาดค้าส่ง หรือผู้ผลิตที่รวบรวมสินค้าส่งมาให้เรา เพื่อให้เราเป็นช่องทางจำหน่ายให้ ก็ถือเป็น ‘ค้าส่ง’ เหมือนกัน เราจึงมองว่า ใน 2.6 ล้านล้านบาท สำหรับ “โก โฮลเซลล์” จะสามารถเข้าไปอยู่ในนั้นได้สักเท่าไหร่ นั่นเป็นโจทย์และเป้าที่เราต้องเดินไปให้ถึงซึ่งต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้
สุดท้ายอยากจะบอกว่า “โก โฮลเซลล์” มีเจตนาอย่างยิ่ง ที่อยากจะนำเสนอ สูตรแห่งความสำเร็จ และ New Experience ให้กับ Business Partner รวมไปถึงลูกค้าสมาชิกของเรา จึงอยากจะให้ช่วยกันสนับสนุน ให้โอกาสและลองเปิดใจเข้ามาเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการเลือกซื้อสินค้าประเภทวัตถุดิบอาหารครบวงจรกับเรา ซึ่งเราให้คำมั่นสั่ญญาว่า จะเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าสมาชิกทุกท่าน ให้.. “โตเร็ว โตไว โตไปกับ โก”
อย่างที่บอกไปว่า เจตนาเราไม่ได้มาปลุกปั่นให้สมรภูมิค้าส่งเดือดแต่อย่างใด เพียงแต่ อยากให้มองไปถึงปลายทางของห่วงโซ่ธุรกิจนี้ หรือ GOAL เพราะท้ายที่สุด ผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็น B2B หรือ B2C ก็ตามซึ่งย่อมได้ประโยชน์ในแง่ของการมีทางเลือกในการจับจ่ายสินค้า สะดวกที่ไหน คุณก็ไปที่นั่น
อย่าว่าแต่ผู้อ่านเลย แอดมินปกติก็ซื้อของเข้าบ้านก็เลือกเข้าห้าง M เหมือนกัน แต่ก็อดใจรอไม่ไหวเช่นกันที่กำลังจะมี โก โฮลเซลล์ เป็นทางเลือกใหม่
ของเดิมหากดีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน แต่หากอยากเปลี่ยน ก็ถือเป็นโอกาสและประสบการณ์ใหม่ ๆ อันดีที่น่าค้นหา