คลินิกทันตกรรม ในที่นี้รวมถึง “ธุรกิจจัดฟัน” ตลาดในประเทศไทยยังคงเติบโตในทุก ๆ ปี โดยจากข้อมูลอ้างอิงพบว่า ในปี พ.ศ.2565 อุตสาหกรรมทันตกรรมของไทยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท และคาดว่าในปี พ.ศ.2569 จะมีมูลค่าสูงถึง 3.5 หมื่นล้านบาท
เพราะเหตุใด ? ธุรกิจจัดฟัน จึงบูม ! และสร้างรายได้มหาศาลได้ขนาดนี้
• คนไทยหันมาให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพฟันและช่องปาก ในทุก ๆ เพศและทุกช่วงวัย
• การนำเอา Pain Point เรื่องการจัดฟัน ซึ่งถือเป็น “ทัตนกรรมความงาม” ของผู้ประกอบการ นำมาใช้ทำการตลาดส่งถึงโดยตรงต่อผู้บริโภคหรือลูกค้าที่ต้องการจัดฟันให้ดูดี มีเสน่ห์
• ทุกคนย่อมต้องการเสริมบุคลิกภาพของตนเองให้ดูดี เมื่อเข้าสังคม เริ่มตั้งแต่การยิ้มสวย มีสุขภาพฟันที่แข็งแรง ฟันขาว เรียงชิดสวย
• ค่านิยมและความเชื่อในสังคม ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะปฏิเสธไม่ได้ ที่ยังคงมีจำนวนไม่น้อย มองว่า การจัดฟันนั้น แสดงออกหรือบ่งบอกเรื่องของฐานะ แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ จัดฟันแล้วดูอินเทรนด์ นอกจากเรื่องของการดูแลรักษาช่องปากให้สมบูรณ์ขึ้น ดีขึ้น
• แม้ราคาการให้บริการดูแลสุขภาพฟันและช่องปากจะมีราคายังค่อนข้างสูงสำหรับผู้มีรายได้น้อย แต่ปัจจุบัน มีเปิดให้บริการผ่อนชำระได้ นอกจากนี้ ในบางบริษัท หน่วยงาน องค์กรยังมีสวัสดิการให้พนักงานทำฟัน โดยเบิกค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่ง เป็นต้น
บริการทันตกรรมพื้นฐาน ที่ได้รับความนิยมจากทุกกลุ่มลูกค้า
– รักษารากฟัน
– ครอบฟัน
– การจัดฟัน
– การอุดฟัน
– ขูดหินปูน ขัดฟัน
– การถอนฟัน ผ่าฟันคุด
– การใส่ฟันเทียมถอดได้ฐานพลาสติก
– อื่น ๆ
อย่างที่ทราบกันว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีการจัดฟันได้พัฒนาไปถึงขั้นสูง ซึ่งการจัดฟันก็มีหลายรูปแบบ วัตถุประสงค์ วิธีการ และผลลัพธ์แตกต่างกันออกไป โดยสามารถเลือกตามความต้องการและเหมาะสมตามที่ทันตแพทย์แนะนำ หลัก ๆ ได้แก่
1.) การจัดฟันแบบโลหะ หรือจัดฟันเหล็ก (METAL BRACES)
คือ การจัดฟันแบบโลหะทั่วไปที่อุปกรณ์ติดแน่นบนฟัน ซึ่งเราพบเห็นกันบ่อยๆมีสีสันสดใสด้วยยางจัดฟัน ราคาไม่สูงมากนัก แต่ต้องพบทันตแพทย์ทุกๆเดือนเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องมือจัดฟัน
2.) จัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces)
คือ เครื่องมือชนิดนี้เหมือนการจัดฟันชนิดโลหะแต่เปลี่ยนวัสดุเป็นเซรามิกใส มีทั้งแบบธรรมดาและแบบไม่ต้องใช้ยางรัดช่วยเสริมบุคลิกภาพเวลายิ้ม จะสังเกตเครื่องมือได้ยากกว่า มีความสวยงาม วัสดุมีความแข็งแรงและความขาวใสของเซรามิกจะอยู่ได้ยาวนาน
3.) จัดฟันใส Invisalign
นับว่าเป็นเทคโนโลยีการจัดฟันใสที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งดารานักแสดงมักจะเลือกการจัดฟันแบบนี้ ข้อดีของการจัดฟันใสแบบ Invisalign นอกจากความสะดวกสบายแล้ว ยังมองไม่เห็นเครื่องมือจัดฟัน สามารถถอดออกมาตอนรับประทานอาหารหรือทำความสะอาดฟัน ไม่ต้องมาพบแพทย์บ่อยเหมือนการจัดฟันชนิดอื่น และลดโอกาสการเกิดปัญหาฟันผุขณะที่จัดฟันอีกด้วย อย่างไรก็ดี ราคาการจัดฟันชนิดนี้มีราคาสูงกว่าการจัดฟันประเภทอื่น ๆ เช่นกัน
4.) การจัดฟันเร่งด่วน หรือแบบดามอน DAMON SYSTEM)
คือ การจัดฟันที่ใช้เครื่องมือเหมือนการจัดฟันชนิดโลหะแต่จะมีกลไกลในอุปกรณ์ที่ซับซ้อนกว่า ทำให้ไม่ต้องใช้ยางในการรัดให้ลวดอยู่กับอุปกรณ์ ช่วยให้ไม่ต้องพบแพทย์บ่อยเหมือนการจัดฟันชนิดโลหะติดแน่น ส่วนราคาการจัดฟันแบบดามอนจะมีราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบโลหะติดแน่น เพราะเทคโนโลยีพิเศษเฉพาะของเครื่องมือที่ใช้
การจัดฟัน ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
• ผู้ที่มีปัญหา ฟันเก (Over Crowding)
• ผู้ที่ภาวะสบลึก (Deep overbite)
• ผู้ที่ภาวะสบเปิดหรือการสบฟันหน้าไม่สนิท (Open bite)
• ขากรรไกรบนยื่น (Overjet)
• ขากรรไกรล่างยื่น(Under-bite)
• การสบฟันแบบไขว้ (Cross-bite Occlusion)
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครอง ที่ไม่เข้าใจว่า ทำไม ? บริการจัดฟันตามคลินิกทันตกรรม หรือตามโรงพยาบาล ถึงมีค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งที่ค่อนข้างสูง เฉลี่ย 30,000 บาท ขึ้นไปจนถึงราวแสนบาท
สาเหตุหลัก ๆ เช่น ประเทศไทยยังคงขาดแคลนบุคลากรทันตแพทย์ โดยปัจจุบันมี ทันตแพทย์ จำนวนราว 12,000 คน คิดเป็นอัตราส่วนต่อประชากรอยู่ที่ 1:5,000 คน จึงไม่แปลกใจเลยว่า เรียนจบหมอฟันมาแล้ว ถือว่า เป็นอาชีพที่มีความรู้ความสามารถสูง และทำเงินได้สูงจริง ๆ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของต้นทุน Material การให้บริการซึ่งส่วนใหญ่สั่งนำเข้าจากต่างประเทศเพราะได้มาตรฐานสากล โดยวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดฟันให้กับลูกค้า ตัวอย่างที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกันดี เช่น
• ยางจัดฟัน หรือโอริง (O-Ring) : เป็นยางจัดฟันที่ติดเป็นซี่ ๆ เรียกว่าโมดูล หรือโอริงจัดฟัน (O-Ring) มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ลวดหลุดออกจาก bracket
• ยางจัดฟันเชน หรือ C-Chain : เป็นยางจัดฟันที่มีลักษณะต่อยาวเป็นเส้นเดียว มีทำหน้าที่รวบฟันให้ชิดกัน
• ยางดึงฟัน หรือ Elastic : ทำหน้าที่ช่วยให้ฟันเลื่อนเข้าที่ได้รวดเร็วขึ้นครับ มีลักษณะคล้ายกับโอริงจัดฟัน (O-Ring) แต่จะมีความยืดหยุ่นมากว่า ข้อดีคือคนไข้สามารถถอดและใส่ได้ด้วยตนเอง ต่างจาก O-Ring และ C-Chain ที่คนไข้ไม่สามารถถอดออกในระหว่างเดือนด้วยตนเอง
• ยางแยกฟัน (Separator) : ใช้ในการเตรียมฟันเพื่อใส่เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่นครับ ทำหน้าที่ค่อยๆ ดันฟันหลักให้หลวมขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่ของแหวนจัดฟันหรือแบนด์ (band)
• แหวนจัดฟัน (Band) : มีลักษณะเป็นวงแหวนใช้สำหรับครอบยึดติดกับตัวฟัน ทำจากแผ่นโลหะเหล็กพิเศษ โดยส่วนใหญ่จะทำการใส่แหวนจัดฟันที่ฟันกราม
• แบรกเกต (Bracket) : เป็นเครื่องมือจัดฟัน ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับฟันแต่ละซี่ครับ ลักษณะมีร่องตรงกลางสำหรับใส่ลวด ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนของฟันได้ทุกทิศทาง ช่วยให้การสบฟันและตำแหน่งของฟันเป็นไปตามความต้องการ
นั่นจึงเป็นบางตัวอย่าง และเหตุผลบางประการที่่ว่า ทำไม ? ธุรกิจจัดฟัน ถึงได้โกยกำไรอู้ฟู่ ได้ตลอดทุกปีและทั้งปี
คราวนี้ เราขอยกตัวอย่าง 5 แบรนด์จัดฟันใส ที่ธุรกิจมีชื่อเสียง การบริการมีมาตรฐาน และได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในปี 2023 นี้ มาฝากเพื่อน ๆ ด้วย
Invisalign บริหารโดย บริษัท อะไลน์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย)
ได้เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2560 และในปี 2564 โดยมีกำไรถึง 49 ล้านบาท ในการเป็นผู้นำ และ Expert ด้านการให้บริการจัดฟันใสแบรนด์ Invisalign ซึ่งในส่วนของราคาก็มีหลากหลาย เริ่มต้นหลักหมื่น ไปจนถึงหลักแสนบาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหาฟันของลูกค้าที่ต้องการการแก้ไข
Dr Clear Aligners
แบรนด์จัดฟันใสพรีเมี่ยมอีกแบรนด์ ที่ได้รับความนิยม จากดาราและเซเลปชื่อดังหลายท่าน โดย Dr Clear Aligners แบรนด์จัดฟันใสนําเข้าจากประเทศสิงคโปร์ อุปกรณ์จัดฟันใสดูแลโดย LAB ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเยอรมันนี โดยมีบริการลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น สามารถแก้ปัญหาฟันสบไขว้ ฟันกัดล่างคร่อม ฟันห่าง ฟันบนคร่อม ฟันสบเปิด ฟันซ้อนหรือฟันเก ฯลฯ
นอกเหนือจากบริการจัดฟันใส สิ่งที่ทำให้ Dr Clear แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ คือ มีคลินิกทำฟันแบบครบวงจร ที่ให้บริการเกี่ยวกับฟัน เช่น อุดฟัน ถอนฟัน ไปจนถึงรักษารากฟัน และยังมีผลิตภัณฑ์ในแบรนด์ของตัวเองที่ออกแบบมาเพื่อคนจัดฟันโดยเฉพาะ ให้เลือกมากมาย โดยราคาให้บริการ เริ่มต้นสำหรับ Dr Clear Aligners เพียง 39,000 บาท
Zenyum
“เซนยุม” แบรนด์อุปกรณ์จัดฟันใสและผู้นำเข้าอุปกรณ์จัดฟันใสโดยตรง เซนยุม ได้ขยายไปแล้ว กว่า 9 ประเทศทั่วเอเชีย ได้แก่ ประเทศไทย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเลเซีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย มาเก๊า และเวียดนาม โดยมีคลินิกพาร์ทเนอร์มากกว่า 800 แห่งทั่วเอเชีย
ราคาให้บริการภายใต้แบรนด์ Zenyum
ZenyumClear™ สำหรับฟันซ้อนเล็กน้อยถึงปานกลาง ปัญหาฟันยื่นมาด้านหน้า ช่องว่างระหว่างฟัน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาฟันด้านหลังได้ การรักษาใช้เวลาประมาณ 3-9 เดือน ราคาเริ่มต้น 59,990 บาท
ZenyumClear™ Plus สำหรับปัญหาปานกลางถึงฟันเกแบบซับซ้อน ฟันสบ และช่องว่างระหว่างฟัน อาจมีการถอนฟัน ถ้าจำเป็น ใช้ระยะเวลาการรักษา 9-15 เดือน ราคา 99,000-150,000 บาท
Käse Aligner
ผู้มุ่งนำด้านวัตกรรมจัดฟันใสในภูมิภาคอาเซียน ด้วยนวัตกรรมจัดฟันใสที่ได้มาตรฐานระดับสากลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
ราคาให้บริการภายใต้แบรนด์ Käse Aligner
Käse Aligner Starter Package ราคา 49,000 บาท กรณีเคสที่มีปัญหาฟันเพียงเล็กน้อย ต้องการแก้ไขแค่ฟันหน้า เหมาะสำหรับคนไข้ที่เคยจัดฟันมาแล้วหรือมีปัญหาปัญหาฟันห่าง ฟันซ้อนเก เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยไม่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว หรือปัญหาการสบฟันในฟันหลังหรือฟันกราม
เคสไม่ถอนฟัน ราคา 69,000 บาท สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ตั้งแต่เคสง่าย จนถึงเคสยากสำหรับเคสที่ไม่ต้องถอนฟัน สามารถเคลื่อนฟันได้ทุกซี่ตั้งแต่ฟันซี่หน้า จนถึงฟันหลัง ตามวินิจฉัยของทันตแพทย์และแผนการรักษา
เคสถอนฟัน ราคา 89,000 บาท สามารถแก้ไขปัญหาฟันทุกอย่างที่เป็นเคสถอนฟัน เหมาะสำหรับเคสที่มีฟันซ้อนเกเยอะ ฟันยื่น ขากรรไกรยื่น หรือ ฟันล่าง คร่อมฟันบน
Denta-Klick
Denta-Klick โดดเด่นใสนเรื่องการผลิตเครื่องมือจัดฟันแบบใสจากแผ่นพลาสติโพลีเมอร์ใส BPA FREE ไม่มีเหล็ก ไม่มีสี ไม่ระคายเคืองและไม่เป็นอันตรายต่อปากและฟันของคุณ เป็นแบรนด์ใหม่ ที่เป็นแพลตฟอร์มให้บริการจัดฟันแบบใส เชื่อมต่อคลินิกพาร์ทเนอร์ที่แรกในประเทศไทยและเอเชีย Denta-Klick มีราคาเดียว 69,000 บาท ครบ จบ ทุกปัญหา
สำหรับ เพื่อน ๆ ที่อยากจัดฟัน โดยไม่มีประสบการณ์ตรง ไม่เคยพบทันตแพทย์ แอดมิน แนะนำให้ลองศึกษาข้อมูลหรือถามจากเพื่อน ๆ ญาติพี่น้องคนใกล้ตัวที่เคยทำดูก่อน และลองพิจารณากับตัวเองก่อนว่า อยากจัดฟันเพื่อต้องการแก้ไขปัญหาฟันและช่องปาก หรือเพราะอยากตามแฟชั่น ตามกระแส ซึ่งไม่มีข้อไหนผิด
แต่สิ่งสำคัญ คือ อยากให้เพื่อน ๆ พิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกทันตกรรม ดูให้ดี ๆ อย่างละเอียดรอบคอบที่สุด เพราะการจัดฟัน ไม่ใช่ทำแป๊บเดียวเสร็จ แต่จะต้องเข้าไปพบหมอบ่อย ๆ นานเป็นปี และเสียเงินไม่ใช่น้อย ๆ ลองดูแล้วนำไปประกอบการตัดสินใจดูนะ
อยากจัดฟันครั้งแรก ต้องดูอะไรบ้าง ?
• ความน่าเชื่อถือของคลินิกหรือศูนย์ทันตกรรม
• ประสบการณ์และความชำนาญของทันตแพทย์
• ความสะอาด ปลอดภัย ของคลินิกหรือศูนย์ทันตกรรม
• การเดินทางที่สะดวกกับตนเอง และสถานที่ตั้งของคลินิกทันตกรรม
• มีรีวิวจากคนไข้จริงที่น่าเชื่อถือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และคุณเองก็สบายใจในการเข้าใช้บริการ
• การบริการที่อบอุ่น และเป็นมิตร
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
https://www.gowabi.com/
https://www.facebook.com/THInvisalign
https://www.facebook.com/DrClearAlignersTh
https://www.facebook.com/zenyumth
https://www.facebook.com/dentaklick