ประเทศไทย มีปริมาณขยะกว่า 70,411 ตัน/วัน (หรือกว่า 30 ล้านตัน/ปี) โดยเป็นขยะประเภทพลาสติกปะปนอยู่ในแต่ละชุมชนประมาณกว่า 2 ล้านตัน/ปี ซึ่งขยะพลาสติกนี้ สามารถจำแนกนำไปรีไซเคิลได้ประมาณ 500,000 ตัน ส่วนที่เหลือกว่า 1.5 ล้านตัน กลายเป็นกากและของเสีย เพราะปนเปื้อนไปแล้วจากการทิ้งผิดวิธี
โดยขยะที่มนุษย์สร้างขึ้นสูงมาก ๆ ในแต่ละวัน คือ แก้วกาแฟที่ทำจากพลาสติก โดยข้อมูลพบว่า ธุรกิจร้านกาแฟแบรนด์เนม เฉลี่ยใช้แก้วพลาสติกไปกว่า 400 ใบ/วัน/สาขา แล้วเพื่อน ๆ ลองคิดดูว่า ร้านกาแฟในประเทศไทย รวมทั้งแบรนด์เนม แบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ มีเปิดจำนวนกว่า 10,000 ร้านทั่วประเทศ จะผลิตแก้วกาแฟที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งปริมาณมหาศาลแค่ไหนในแต่ละวัน !?
หากมองในภาคธุรกิจนั้น มูลค่าธุรกิจร้านกาแฟในทางการตลาด ถือได้ว่าเติบโตดี ไปได้สวย แต่ในด้านการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม แก้วกาแฟหรือแก้วพลาสติก คือ ปัญหาใหญ่ที่นับวันยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้น
ถึงเวลาที่ผู้ประกอบการร้านกาแฟในไทยต้องร่วมกันหา Solution เพื่อลดปริมาณแก้วกาแฟ ไม่สร้างขยะมากไปกว่านี้ ยังทัน ยังไม่สาย ! หรือเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยวิธีที่เราคุ้นเคย.. และทำได้ทุกคน


KeepCup แก้วกาแฟรักษ์โลก ของชาวออสซี่ ! ที่เกิดจากความรู้สึกผิดต่อลูกค้า สู่การผลิตแก้วที่เป็น Value ของคนทั่วโลก
ลองดูตัวอย่างง่าย ๆ ในการลดปริมาณแก้วกาแฟพลาสติก คือ KeepCup แบรนด์ร้านกาแฟชื่อดังในประเทศออสเตรเลีย ก่อตั้งโดย Abigail Forsyth และ Jamie Forsyth ตระหนักถึงแก้วพลาสติกที่ลูกค้าเข้ามาซื้อกาแฟดื่ม โดยดื่มครั้งเดียวแล้วก็ทิ้งแก้วนั้นไป ทำให้รู้สึกผิดต่อลูกค้าและโลก จึงริเริ่มดีไซน์และผลิต KeepCup ‘แก้วใช้ซ้ำรักษ์โลก’


แก้วกาแฟที่แสนธรรมดา แต่ พิเศษ ! KeepCup 1 ใบ ประกอบด้วย
– ตัวแก้วที่ไม่ซ้ำแบบใคร
– ฝา
– จุกอุดรู (พกพาสะดวก กันเครื่องดื่มหก)
– แถบซิลิโคนกันความร้อนที่จับแล้วกระชับมือ
– มีหลายไซส์ให้เลือก ตั้งแต่ 4 – 16 oz. (ใส่ได้ทั้งเมนูร้อนและเย็น)
จุดเด่นและจุดขายอีกอย่างของ KeepCup คือ ลูกค้าสามารถเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์สีสันที่ชอบได้เอง หรือลูกค้าจะได้ลวดลายแก้วที่ไม่ซ้ำแบบใคร (ซ้ำแต่น้อยมาก) ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า แถมยังลดปริมาณขยะแก้วกาแฟไปได้มาก


Abigail Forsyth เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้าที่จะผลิต KeepCup ขึ้นมา ตนเองเคยสั่งแก้วกาแฟแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งไม่ต่ำ 50,000 ใบเข้าร้าน เพื่อเสิร์ฟเครื่องดื่มขายลูกค้า ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมาก แต่สิ่งที่ทำให้เธอฉุกคิดได้ คือ มีลูกค้าประจำ เข้ามาซื้อกาแฟเช่นเดิม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ ลูกค้าพูดกับเธอว่า “รู้สึกผิด ที่ต้องดื่มกาแฟจากแก้ว take away และหลังจากกาแฟหมดแก้ว บรรจุภัณฑ์เหล่านี้ก็จะกลายไปเป็นขยะทันที”
นั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยน และจุดเริ่มต้น ทำให้ Abigail ได้ศึกษาบรรจุภัณฑ์ที่เข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าและทดแทนแก้วพลาสติก จนกระทั่งมาลงเอย ที่การออกแบบและสั่งผลิตแก้วใส่เครื่องดื่มที่มีความใกล้เคียงกับแก้วแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (คือ KeepCup ในปัจจุบัน) ซึ่งทำให้สะดวกทั้งบาริสต้าที่ชงกาแฟและลูกค้า
โดยเฉพาะคนออสเตรเลียที่นิยมดื่มเครื่องดื่มร้อน จึงทำแก้วที่มีขนาดประมาณ 12 ออนซ์ มีฝาปิดเพื่อให้ผู้ใช้ได้จิบเครื่องดื่มจากฝา และมีฉนวนกันร้อนครอบรอบแก้วอีกด้วย
ซึ่งต่อมาไม่นาน Abigail Forsyth และ Jamie Forsyth จึงได้เปิดตัวแก้ว KeepCup ดังกล่าวใน ปี 2009 (พ.ศ.2552) ในงานแสดงสินค้าที่ เมลเบิร์น


และเพียง 6 ชั่วโมงแรก ของการเปิดตัวในงาน ก็ทำยอดขายไปกว่า 1,000 ใบ โดยทั้งสอง จึงพัฒนาสินค้าอย่างจริงจังและมีสินค้าใหม่ ๆ ออกมาอีกมากมาย จนในปัจจุบัน ทำยอดขายไปแล้วมากกว่า 12 ล้านใบ ในกว่า 75 ประเทศทั่วโลก

สำหรับประเทศไทย ได้เคยมีแคมเปญการรณรงค์ ตลอดจนโปรฯ เอาแก้วส่วนตัวมา ได้ส่วนลด 5 บาท ตามร้านกาแฟแบรนด์ดังต่าง ๆ จนกระทั่งเกิดวิกฤตโควิดฯ ทำให้โปรฯ ดังกล่าวถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันก็ยังมีร้านกาแฟอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังคงทำโปรฯ นี้อยู่ เพื่อคืนกำไรให้กับลูกค้าประจำร้านของตนเอง ที่ได้ซื้อเครื่องดื่มที่ถูกลง ได้ใจลูกค้า แถมยังลดปริมาณสร้างขยะ ไปได้เยอะเลยทีเดียว เราขอปรบมือและสนับสนุนให้ทำต่อไปจ้า