แม้ว่าสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังคงดำเนินต่อไป พร้อมกับความสูญเสียทั้งบ้านเรือน ผู้คนที่โดนทำลาย ต้องอพยพเอาชีวิตรอดในสมรภูมินี้ และไม่มีใครบอกได้ว่าเหตุการณ์จะลงเอยอย่างไร
ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะแรงงานไทยที่ไปทำงานที่อิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ที่แรงงานไทยเดินทางไปทำงาน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีแรงงานไทยถูกจับเป็นตัวประกัน และเสียชีวิต
หากพูดถึงในเรื่องเศรษฐกิจ ไทยกับอิสราเอลก็มีความสัมพันธ์ เป็นคู่ค้าในเรื่องของการส่งออก-นำเข้าสินค้า ในดินแดนตะวันออกกลาง และเป็นคู่ค้าอันดับ 40 ของไทย โดย Smartsme จะพามาดูกันว่าทั้งสองประเทศนี้ค้าขายสินค้าอะไรกันบ้าง
ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ พบว่าในปี 2566 (นับตั้งแต่ ม.ค – ส.ค.66) ไทยมีมูลค่าการค้ากับอิสราเอล คิดเป็น 29,288 ล้านบาท แบ่งเป็น
สินค้าไทย 5 อันดับแรกที่ส่งออกไปอิสราเอล
1. รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มูลค่า 4,231.19 ล้านบาท
2. อัญมณีและเครื่องประดับ มูลค่า 1,671.83 ล้านบาท
3. อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป มูลค่า 1,600.17 ล้านบาท
4. ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ มูลค่า 931.58 ล้านบาท
5. ข้าว มูลค่า 906.11 ล้านบาท
สินค้าที่นำเข้าจากอิสราเอลมากที่สุด 5 อันดับแรก
1. เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ คิดเป็น 4,121.91 ล้านบาท
2. ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ คิดเป็น 1,409.43 ล้านบาท
3. เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ คิดเป็น 927.05 ล้านบาท
4. แผงวงจรไฟฟ้า คิดเป็น 740.62 ล้านบาท
5. ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ คิดเป็น 504.82 ล้านบาท
แน่อนว่าในเรื่องของเศรษฐกิจ หากสงครามยังไม่สงบย่อมส่งผลกระทบต่อการค้าของประเทศไทยอย่างแน่นอน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องประเมินอย่างใกล้ชิด และหาทางออกเอาไว้เพื่อรักษาสมดุลเอาไว้ต่อไป
เรื่องที่เกี่ยวข้อง