พฤติกรรมการชอปปิ้งในปัจจุบัน ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมค้นหา และสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกรุปแบบ เป็นโจทย์ที่ท้าท้ายสำหรับผู้ประกอบการทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ที่จะทำอย่างไร ? ให้สามารถเก็บ Lead หรือฐานข้อมูลกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ นำไปสู่การปิดดีลซื้อสินค้าของคุณให้ได้
โดยหากธุรกิจของคุณ ต้องการทำการตลาดดิจิทัล ต้องการที่จะปรับเปลี่ยนเพื่อเอาชนะคู่แข่ง และอยากที่จะเพิ่มโอกาสในการขายให้กับธุรกิจของคุณ
ถ้าอย่างนั้น คุณต้องรู้วิธีการดึงดูดใจลูกค้า ให้เปิดใจ สนใจสินค้าและบริการของคุณ เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วย 5 วิธีการนี้ อ่านจบ นำไปปรับใช้ธุรกิจคุณได้ทันที !
1. การสร้าง Branding
หมายถึง การออกแบบโลโก้ร้านค้า โทนสีที่เลือกใช้และความหมายที่ต้องการสื่อ ชื่อแบรนด์ที่กลั่นกรองขึ้นมาแบบมีเอกลักษณ์ หรือภาพจำใด ๆ ก็ตามที่ช่วยให้ลูกค้าของคุณจำแนกแบรนด์ได้ต่างจากคู่แข่ง
แต่ก่อนที่คุณจะสร้างการจดจำและให้ลูกค้ารับรู้ เข้าใจ คุณต้องเข้าใจแบรนด์ตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก โดยตอบคำได้ให้ได้ว่า ใครคือกลุ่ม Target (กลุ่มเป้าหมาย), สินค้าหรือบริการนี้จะช่วยแก้ปัญหาใดให้กับลูกค้า และอะไร ? คือ จุดแข็งของแบรนด์
ในครั้งแรกของการสร้าง Branding อาจยังไม่ใช่ Indentity (เอกลักษณ์) ของแบรนด์ในท้ายที่สุด เนื่องจากการสร้างแบรนด์สามารถทดลองตลาด และดูประสิทธิภาพหรือผลตอบรับที่ได้ นำไปสู่การพัฒนาเพื่อให้แบรนด์แข็งแกร่งและเกิดเป็นการจดจำที่ดีขึ้น
2. วางกลยุทธ์ให้ชัดเจน
ไม่ว่าคุณ จะเป็นเจ้าของธุรกิจรายเล็ก อย่าง SMEs หรือผู้ประกอบการขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ย่อมต้องมีการวาง Stratergy (กลยุทธ์) ให้กับธุรกิจได้เสมอ ซึ่งโจทย์สำคัญในยุคนี้ คือ ธุรกิจไหนที่ตั้งรับ ปรับตัวได้ไว ย่อมมีโอกาสได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
ดังนั้น คุณจึงควรมีแผนธุรกิจที่เหมาะสมกับสินค้าและบริการ ตั้งแต่การออกแบบหรือหยิบตัวสินค้าขึ้นมาขาย การส่งเสริมการขายหรือทำการตลาดในแง่ของออนไลน์-ออฟไลน์อย่างไร ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ ศึกษาจากคู่แข่งว่ามีจุดแข็ง-จุดด้อยอย่างไร เพื่อที่จะนำมาเป็น Case Study นำไปสู่การปรับปรุงและได้เป็นกลยุทธ์ของแบรนด์เราขึ้นมา
3. การทำ Content Marketing
การทำ Content Marketing มีหลากหลายรูป และ แพลตฟอร์ม ไม่มีกฎตายตัวในการสร้างคอนเทนต์แบบฉบับของธุรกิจคุณเอง เพียงแค่ต้องมีความน่าดึงดูดใจถึงแม้จะเป็นธุรกิจ SMEs ก็ตาม เราจะเห็นได้จากการใช้แพลตฟอร์มหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Website, Instagram, TikTok, X (twitter) ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยแบรนด์ของคุณ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับภาพลักษณ์ของธุรกิจได้
ทั้งนี้ ก่อนจะเริ่มทำ Content ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจต้องตอบให้ได้ก่อนว่า มีจุดประสงค์ (Objective) อย่างไร ? ในการสื่อสาร เช่น Content ขายสินค้าชนิดหนึ่ง ต้องการให้ลูกค้าอ่านแล้วคลิกสั่งซื้อสินค้าทันที หรือต้องการ Educated (ให้ความรู้หรือให้ข้อมูล) กับกลุ่มเป้าหมาย Content นั้น ก็ต้องได้คุณค่าหรือช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าของคุณด้วย
4. Search engine optimization (SEO)
หากธุรกิจของคุณมีเว็บไซต์ที่ต้องการ Traffic จาก Users ที่อาจมีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณ การทำ SEO ยังเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสค้นหาเจอที่หน้าแรกของ Search Engine โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเลย
โดยอัลกอริทึ่ม ของเว็บไซต์ จะคอยตรวจสอบคุณภาพบนเว็บไซต์ของคุณ หากมีการเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย บทความมีประโยชน์และไม่พยายามยัดเยียมคีย์เวิร์ดมากเกินไป
การทำ SEO เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกของ Google ขอแนะนำว่าลองสร้าง Content แบบ Evergreen Content ที่มีความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เช่น How to หรือทริคที่น่าสนใจและใช้ได้ตลอดกาล เป็นต้น
5. ใช้ Social Media ให้เป็นประโยชน์
เรื่องพื้นฐานในการทำการตลาดดิจิทัลที่เหมาะกับผู้เริ่มต้น สามารถเริ่มจากฟรี ! แพลตฟอร์มอย่าง Social Media ที่มีอยู่และตรงกับพฤติกรรมการใช้งานของกลุ่มลูกค้าคุณ เช่น Facebook, LINE OA, Instagram หรืออื่น ๆ
ซึ่งแพลตฟอร์มตรงนี้เอง ที่ช่วยให้สินค้าหรือบริการของคุณเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นผ่านการโฆษณา เมื่อเลือกโซเชียลมีเดียที่จะได้แล้ว ขั้นตอนถัดไปเลือกวัตถุประสงค์หรือ Objective ในการทำโฆษณาที่ต้องตอบได้ว่าทำเพื่ออะไร
แน่นอนว่า content ที่เลือกใช้อย่างรูปภาพ หรือ Video ไม่ได้หมายถึงว่า คุณจะโฆษณารูปแบบใดก็ได้ พฤติกรรมของผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดียของแต่ละแพลตฟอร์มยังแตกต่างกันด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น หากแบรนด์เลือกใช้ TikTok อาจเพราะเหมาะสำหรับการเจาะกลุ่มเป้าหมายอายุไม่มาก และสื่อสารแบบคลิป Video สั้น ๆ แต่ข้อมูลครบถ้วน หรือเลือกใช้ Facebook เมื่อต้องการสื่อสารข้อมูลและรายละเอียดที่มากขึ้น เป็นต้น