ซีพี แอ็กซ์ตร้า เจ้าของแม็คโคร-โลตัส ปี 66 ทำรายได้รวม 489,949 ล้านบาท กำไร 8,640 ล้านบาท


บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ส่งรายงานคำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการสำหรับสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2566 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ในปี 2566 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 489,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20,818 ล้านบาท คิดเป็น 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายจำนวน 466,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,052 ล้านบาท คิดเป็น 4.3% จากปีก่อน จากการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่งที่เพิ่มขึ้น 7.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน

การเติบโตของรายได้เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายภายในสาขา รวมถึงการขายออนไลน์ และการขายนอกร้านพร้อมการส่งสินค้าถึงลูกค้าของธุรกิจแม็คโครประเทศไทย ประกอบกับการเติบโตของแม็คโครต่างประเทศ และธุรกิจฟูดเซอร์วิส ในขณะที่รายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.8% จากปีก่อน

ด้านกำไรสุทธิ ในปี 2566 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 8,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 943 ล้านบาท หรือ 12.3% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างเงินก็ยืม หากไม่รวมรายการตัดจ่ายค่าธรรมเนียม และขาดทุนจากสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศ จากการจ่ายชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนดจำนวน 99 ล้านบาท และรายการขาดทุนจากการจำหน่ายสินทรัพย์ของกลุ่มธุรกิจค้าส่งในประเทศจีนจำนวน 38 ล้านบาท กำไรสุทธิจะเป็นจำนวน 8,777 ล้านบาท

มองถึงปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านการวางแผนกลยุทธ์มุ่งเน้นการขาย Omni Channel ซึ่งเป็นเป้าหมายของสัดส่วนยอดขายรวมเป็น 15% ภายในปีนี้ โดยการขายนอกร้านผ่านแอปพลิเคชันคาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า พัฒนาบริการ และการขยายพื้นที่ให้บริการ โดยใช้จุดแข็งของธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกที่มีสาขารวมกันกว่า 2,600 สาขาทั่วประเทศ เป็นจุดกระจายและจัดส่งสินค้าเพื่อเพิ่มศักยภาพของสินทรัพย์ที่มีอยู่

นอกจากนี้ยังต่อยอดได้อีกหลายมิติ อาทิ การนำเสนอสินค้าและโปรโมชันแบบเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น จากการใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลแบบปัญญาประดิษฐ์ เพื่อทำความเข้าใจ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น กลยุทธ์เชิงรุกอีกประการหนึ่งคือการพัฒนาทีมขายนอกร้านกว่า 1,400 คน ที่เข้าใจ เข้าถึงลูกค้า เพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ

อีกทั้ง การผนึกกำลังของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านอาหารสด พัฒนาต่อยอดอาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมทาน รวมทั้งสรรหาสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อสร้างความแตกต่าง ความหลากหลายในราคาที่คุ้มค่า และเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ

ที่มา: SET