วัดป่ะล่ะ! “HELLO BOY” แบรนด์ผู้ขอท้าชนกับผู้เล่นหน้าเก่า “เฮลซ์บลูบอย”


แน่นอนว่าแบรนด์น้ำหวานที่ครองตลาดมาอย่างยาวจนเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา หากให้ทุกคนตอบ เชื่ออย่างสนิทใจว่าชื่อแบรนด์อันดับต้น ๆ ที่ทุกคนตอบ คือ “เฮลซ์บลูบอย” ที่ทำการตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพจนเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จกับการมีสินค้าที่ออกจำหน่ายเพียงอย่างเดียวนั่นคือน้ำหวานใส่ขวดแก้ว

หากมองในตลาดน้ำหวานก็พบว่าไม่ใช่มีแค่แบรนด์ “เฮลซ์บลูบอย” เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีแบรนด์อื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น ซันนี่บอย, ฮอร์นบอย, แคนนี้บอย และอีกหนึ่งแบรนด์ล่าสุดที่ขอมาลงแข่งขันในตลาดนี้ นั่นคือ “HELLO BOY” ที่งานนี้ขอท้าชนอย่างจริงจังเลยทีเดียว

สำหรับน้ำหวานแบรนด์ “HELLO BOY” เป็นสินค้าภายใต้บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) โดยก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2534 ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตแป้งผสมหรือแป้งสำเร็จรูปสำหรับใช้ทำขนมปังและ ประกอบอาหารอื่น ๆ ซึ่งแบรนด์ที่อยู่ในเครือ ได้แก่ Uncle Barns, Best Odur, Aroi Mak และ Kob Jung ซึ่งตอนนี้สถานะของบริษัทคือเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อย

ผลประกอบการบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน)

-ปี 2563 รายได้รวม 2,882 ล้านบาท กำไร 353 ล้านบาท
-ปี 2564 รายได้รวม 3,187 ล้านบาท กำไร 519 ล้านบาท
-ปี 2565 รายได้รวม 3,391 ล้านบาท กำไร 420 ล้านบาท
-ปี 2566 รายได้รวม 4,429 ล้านบาท กำไร 649 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่าธุรกิจของบริษัทจะอยู่ในกลุ่มของอาหาร และการแตกไลน์มาสู่ “HELLO BOY” ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ แต่อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย ก็มีประสบการณ์ในธุรกิจวัตถุแต่งกลิ่นรส และสีผสมอาหาร ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนอันดับ 2 ของธุรกิจบริษัท การลงมาเล่นในตลาดน้ำหวานจึงเป็นโอกาสที่จะเสริมสินค้าใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจจากเดิมที่มีอยู่

เมื่อมาดูกลยุทธ์ของ “HELLO BOY” แน่นอนว่าการตลาดที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักเร็วยิ่งขึ้น นั่นคือการใช้พรีเซนเตอร์ที่มีชื่อเสียง มีอิทธิพลในกลุ่มเป้าหมายมาโฆษณาสินค้า โดยแบรนด์เลือก 4EVE วง T-Pop ชื่อดังอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย สร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคผ่านโฆษณาให้เป็นที่พูดถึงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ตลอดจนเรื่องของราคาที่ขายถูกกว่าในปริมาณที่เท่ากันกับคู่แข่งรายอื่น ๆ ซึ่ง “HELLO BOY” มีอยู่ 2 กลิ่น ได้แก่ 1.กลิ่นสละ 2.กลิ่นครีมโซดา ใส่บรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว 710 มล. ขายในราคา 60 บาท

มองได้ว่าการเปิดตัวของ “HELLO BOY” ทำให้แบรนด์อื่น ๆ ที่ขายสินค้าเหมือนกันไม่อาจอยู่เฉยได้ อย่างกรณีที่เห็นภาพชัดเจนคือเมื่อ “HELLO BOY” ขายในราคาที่ถูกกว่า แบรนด์ที่อยู่มาก่อนอย่าง “เฮลซ์บลูบอย” ต้องปรับกลยุทธ์การตลาดจัดโปรโมชันลดราคาเพื่อได้ราคาที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับคู่แข่ง

สุดท้าย ไม่ว่าธุรกิจอะไรก็ตามที่จะประสบความสำเร็จต้องมีหลายปัจจัยมารวมกัน ทั้ง ราคา, โปรโมชัน, รสชาติ, ช่องทางการขาย, การโฆษณาสร้างการรับรู้ สุดท้ายเวลาจะเป็นคนให้คำตอบว่าธุรกิจของเราจะได้ไปต่อหรือไม่