6 วิธีสร้าง Work-Life Balance คนทำธุรกิจ ทำอย่างไรให้การชีวิตกับการทำงานไม่เหลื่อมล้ำจนเกินไป


เชื่อเหลือเกินว่าทุกคนไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น พนักงานบริษัท ไปจนถึงธุรกิจส่วนตัว อยากมีความสมดุลในการใช้ชีวิต ที่การทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัวมีสัดส่วนพอดี ไม่เหลื่อมล้ำมากจนเกินไป เพราะหากส่วนใดส่วนหนึ่งมีไม่สมดุลกัน ปัญหาที่ตามมาคือเราจะใช้ชีวิตแบบไม่มีความสุขนั่นเอง

“Work-Life Balance” คือเรื่องที่ถูกพูดถึงที่มองถึงความสมดุลระหว่างการทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัว ทำให้เป็นเป้าหมายของคนยุคนี้ที่จะทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นกับตัวเองให้ได้ เนื่องจากแต่ละคนก็มีภาระหน้าที่แตกต่างกันกันออกไป หากมัวแต่ทำงานหนักมากจนเกิด ผลกระทบที่ตามมาคือ ไม่ได้ใช้ชีวิต, สุขภาพจิตเสีย, ร่างกายทรุดโทรม สุดท้ายสิ่งที่ตามมากลับเป็นต้องมานั่งดูแลตัวเอง

ดังนั้น Smartsme จะมาทำความเข้าใจกับ 6 วิธี ดึงสติให้ใช้ชีวิตแบบ “Work-Life Balance” เพื่อค้นหาความสุขเล็ก ๆ ให้กับตัวเองรับมือกับชีวิตในแต่ละวันที่มีแต่ความวุ่นวาย

1.ต่อต้านการเสียเวลา และรบกวน

เราถูกโฆษณาเข้าหาแบบจู่โจมมากกว่า 5,000 ครั้งต่อวัน ไม่ว่าจะเป็น การแจ้งข่าว, ดีลชอปปิ้ง และฟีดบนโซเชียลมีเดียตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาหยิบสมาร์ทโฟนเปิดหน้าจอขึ้นมา อยากให้ลองคิดดูว่าเมื่อคุณเห็นจำนวนข้อความมาก ๆ ใน 5 นาทีแรกของวัน และพิจารณาโฆษณาเหล่านี้มีคุณค่าต่อชีวิตการทำงานหรือไม่

ลองปิดกั้นสิ่งเหล่านี้ พร้อมทั้งปิดแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนของคุณ และคุณจะประหลาดใจอย่างมาก เพราะจะได้ค้นพบเวลาที่ช่วยให้โฟกัสงานที่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ

หากมีสิ่งที่ต้องตัดสินใจสองเรื่อง เช่น ต้องไปงานแสดงลูกชายที่โรงเรียน หรือต้องนั่งทำงานโปรเจคต์ให้ทันกำหนดส่ง ถึงเวลาที่คุณต้องเลือกว่าอะไรสำคัญกับชีวิตคุณที่สุด และทำเลย แม้จะเป็นเรื่องที่ยากลำบากก็ตาม

เปรียบเทียบได้ว่าคนที่มีประสิทธิผลมากที่สุดไม่ได้ทานอาหารให้น้อยลง แต่พวกเขาเพียงแต่มาที่โต๊ะพร้อมแผนการที่เป็นระเบียบ นั่นคือการจัดสรรเวลาในงานที่ทำ โดยให้ความสำคัญกับโปรเจคต์ พร้อมกับใช้เวลาส่วนตัว ทั้งในเรื่องสุขภาพ และความสุขของชีวิต

อีกทั้ง พวกเขาไม่กลัวที่จะพูดคำว่า “ไม่” เมื่อมีโอกาส

3.มอบหมาย

การมี “ทีมเวิร์ค” สามารถนำไปสู่รูปแบบการทำงานในฝันได้ เพราะว่าทุกคนเชื่อฟัง เคารพกันและกัน หากมีใครในทีมประสบปัญหา คนอื่น ๆ ก็พร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือทันที แต่เรื่องนี้ต้องอยู่บนบรรทัดทานของความไม่เปรียบต่อกัน โดยเทคนิคง่าย ๆ คือสำรวจตัวเองว่ามีความเก่งในเรื่องอะไร และจ้างคนที่เก่งกว่าคุณในด้านอื่น ๆ มาทำหน้าที่ตรงนั้น

หากเพื่อร่วมงานมีความสามารถในด้านทักษะเฉพาะของพวกเขา นั่นคือสิ่งที่ทำให้ทีมมีความสามัคคี และมีประสิทธิภาพ

4.ยอมรับข้อจำกัด

เมื่อคุณยอมรับความวุ่นวาย หมายความว่าคุณก็ยอมรับข้อจำกัดด้วย ถามตัวเองว่าคุณจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดภายใต้ข้อจำกัดที่คุณเผชิญได้อย่างไร คุณอาจคิดว่ามีเวลาทำงานเพียง 4 ชั่วโมง/วัน จะทำโปรเจ็กต์นั้นให้เสร็จ หรือจะทำเงินมากที่สุดได้อย่างไร

ดังนั้น จงใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่า และคิดในเชิงบวกว่าต้องทำให้สำเร็จไว้อยู่เสมอ

5.อย่า “ไม่ว่าง” ตลอดเวลา

เมื่อถึงเวลาทำงานจริง ๆ เรามักหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ทำเพื่ออยากให้ผลงานออกมาดีที่สุด จึงทำให้กลายเป็นคน “ไม่ว่าง” จนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น เมื่อแนวทางการใช้ชีวิตแบบนี้เกิดขึ้น คุณก็จะถูกกลืนกินเป็นคนไม่มีเวลา สุดท้ายสมดุลการใช้ชีวิตก็จะเสียไป

6.หาเวลาให้กับตัวเอง

การจัดตารางเวลาสำหรับตัวคุณเองถือเป็นหลักสำคัญในการมีสุขภาพที่ดี แต่ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่จะดำเนินชีวิตตามตารางของคนอื่น เช่น ลูกค้า แต่เราก็ควรมีเข็มทิศภายในใจของตัวเองกับสิ่งที่อยากทำ เพราะจะช่วยทำชีวิตของเรามีความหมายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การเดินเล่น, การฟังพอดแคสต์ดี ๆ สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้จะเพิ่มคุณประโยชน์ด้านสุขภาพ

ที่มา: entrepreneur