เส้นทางแบรนด์ “เนื้อแท้” จากนักร้องสู่นักธุรกิจทำรายได้ 500 ล้านบาท พร้อม IPO เข้าตลาดหุ้น


ย้อนกลับไปในช่วง 90-2000 หนึ่งในวงดนตรีร็อกที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ย่อมมี “Silly Fools” อยู่ด้วยอย่างแน่นอน กับผลงานเพลงที่ฝากเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น ขี้หึง, วัดใจ, จิ๊จ๊ะ ที่ใครหลายคนร้องได้มาจนทุกวันนี้

แน่นอนวงดนตรีร็อก อีกหนึ่งที่สร้างการจดจำคือนักร้องนำอย่าง “โต” วีรชน ศรัทธายิ่ง ที่มาวันนี้ได้หันหลัง วางไมค์ให้กับวงการเพลงด้วยเหตุผลทางศาสนาพร้อมผันตัวเองมาสู่ผู้ประกอบการเต็มตัวกับแบรนด์ “เนื้อแท้” ที่ธุรกิจกำลังไปได้ดี และเตรียมเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ไทย

แบรนด์ “เนื้อแท้” เป็นการร่วมหุ้นกันระหว่าง “โต” วีรชน ศรัทธายิ่ง กับนภศูล รามบุตร ที่มีเป้าหมายที่อยากทำเนื้อ Dry-Aged ที่มีคุณภาพเพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดกับผู้บริโภค โดยเจ้าตัวถึงกับบินไปยังออสเตรเลียเพื่อไปดูวัวสายพันธุ์เดราท์มาสเตอร์ พร้อมกับนำเข้ามาขุนเองที่ธัญพืชไทยนานกว่า 120 วัน เพื่อให้เนื้อที่แน่น รสชาติไม่เหมือนใคร

หลังจากนั้น มีการพัฒนาคุณภาพเนื้อวัวให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเปลี่ยนสายพันธุ์วัวเป็นพันธุ์แองกัสเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยความพิเศษในเรื่องของรสชาติที่ชัดเจน เนื้อนุ่มแน่น มีไขมันแทรกอยู่บ้างแต่ไม่ถึงขั้นวากิว เหมาะสำหรับการมาทำสเต๊ก และเมนูอาหารไทยหลากหลายเมนู

ปัจจุบันธุรกิจมีร้านอาหารอยู่ในเครือ 5 แบรนด์ด้วยกัน ได้แก่ THE BEEF MASTER by Company b, ร้านเนื้อแท้, ร้านเนื้อแท้เซียนเตี๋ยว, ร้านพัน ละ วัน, ร้านเนื้อแท้ บุชเชอรี่

ผลประกอบการ บริษัท คอมพานี บี จำกัด
-ปี 2563 รายได้รวม 203 ล้านบาท ขาดทุน -11 ล้านบาท
-ปี 2563 รายได้รวม 216 ล้านบาท ขาดทุน -62 ล้านบาท
-ปี 2565 รายได้รวม 289 ล้านบาท กำไร +2.3 ล้านบาท

ด้วยนิสัยส่วนตัวของ “โต” วีรชน ที่เป็นคนทำอะไร ทำจริง และจริงจัง ตั้งแต่การเป็นนักร้องมาจนสู่การเป็นนักธุรกิจ จึงทำให้สิ่งที่ทำต้องออกมาดีที่สุด ซึ่งการตั้งชื่อแบรนด์ “เนื้อแท้” ก็เป็นการบ่งชี้ว่าวัตถุดิบที่ทำเป็นไปตามที่ต้องการสื่อสารไปยังผู้บริโภคจริง ๆ จนแบรนด์ติดตลาดจนประสบความสำเร็จ

แบรนด์ “เนื้อแท้” ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะพวกเขาต้องการสร้างอาณาจักรก้าวสู่ความเป็นแบรนด์ระดับโลก โดยตั้งเป้าที่จะพาธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2569 หรือ 2570 ซึ่งการจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ธุรกิจต้องมีรายได้รวม 1,500-1,8000 ล้านบาท และมีกำไรราว 100 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แบรนด์ได้มีการเตรียมความพร้อม ทั้งการเปิดแบรนด์ใหม่ อย่าง “เนื้อแท้ Work กะสเต๊ก, การขยายสาขาร้านอาหาร ตลอดจนการเปิดสาขาในต่างประเทศผ่านรูปแบบแฟรนไชส์

เมื่อเราถอดบทเรียนที่ทำให้แบรนด์ “เนื้อแท้” ประสบความสำเร็จติดตลาด ปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลย คือการเล่นกับโซเชียลผ่านการทำคอนเทนต์อิงตามกระแสสังคมในช่วงนั้น เช่น ในช่วงเลือกตั้งก็มีทำรูปภาพคล้ายลักษณธกับการหาเสียง เหล่านี้เป็น Real Time Marketing ที่สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างตัวแบรนด์ และผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการตลาดที่ทำควบคู่ไปกับคุณภาพของสินค้า

และเมื่อทั้งสองทั้ง “สินค้า” และ “การตลาด” จึงทำให้แบรนด์ “เนื้อแท้” กลายเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ที่มา: nuatair, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, TexhHerocapitalread