เส้นทางธุรกิจ “MAGURO” ผู้ปั้นร้านอาหารญี่ปุ่น-เกาหลี จากความหลงใหล สร้างรายได้กว่าพันล้าน


“MAGURO” อีกหนึ่งแบรนด์ที่พาตัวเองเข้าไป IPO ในตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อย

แน่นอนว่า หากเรามีความชื่นชอบ และตั้งใจทำแบบไม่ฝืน ผลลัพธ์ย่อมออกมาดี เช่นเดียวกับ “MAGURO” ที่เริ่มต้นธุรกิจจากความหลงใหลในศิลปะอาหาร และวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น นำมาให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัส จึงถือกำเนิดเป็นแบรนด์ MAGURU จากการรวมตัวก่อตั้ง โดยนายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง, นายชัชรัสย์ ศรีอรุณ, นายรณกาจ ชินสำราญ และนายจักรกฤติ สายสมบูรณ์

หากพูดถึงอาหารญี่ปุ่นซึ่งที่เป็นนิยมคงหนีไม่พ้น “ซูชิ” และแบรนด์ MAGURU ก็เริ่มต้นจากอาหารญี่ปุ่นอันมีเอกลักษณ์นี้ ด้วยแนวคิด “ซูชิที่เต็มทุกสัมผัส” จนกลายเป็นได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว มีการนำกลยุทธ์ Digital Marketing มาใช้เป็นแบรนด์แรกอย่างมีประสิทธิภาพ ดูได้จากลูกค้าที่มีต่อแถวยาว เพื่อเข้ารับประทานอาหารอย่างเต็มใจ

 

หลังจากนั้น MAGURU ได้มีการขยายสาขา รวมถึงเป็นตัวร้านอาหารแบรนด์ใหม่ ๆ ในเครือ แบ่งเป็น 1. MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่น จำนวน 14 สาขา, 2. SSAMTHING ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลี จำนวน 6 สาขา และ 3. HITORI ร้านชาบูสุกี้ยากี้สไตล์ญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ จำนวน 7 สาขา รวมทั้งสิ้นมีร้านอาหาร 27 สาขา

ผลประกอบการบริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

-ปี 2564 รายได้รวม 388 ล้านบาท กำไร 9.6 ล้านบาท
-ปี 2565 รายได้รวม 666 ล้านบาท กำไร 31.4 ล้านบาท
-ปี 2566 รายได้รวม 1,046 ล้านบาท กำไร 72.5 ล้านบาท
-ไตรมาส 1/2567 รายได้รวม 297 ล้านบาท กำไร 20.1 ล้านบาท

หากพูดถึงกลยุทธ์ที่นำพา MAGURO ไปสู่ความสำเร็จ อย่างแรกคงหนีไม่พ้นการให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่ต้องมีคุณภาพ สดใหม่ ทำอย่างไรให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการรู้สึกถึงความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป รวมถึงรสชาติของอาหารที่ต้องถูกปากคนไทยอีกด้วย โดยในช่วงระยะเวลา 1 ปีแรกที่สร้างแบรนด์ ผู้ก่อตั้งทั้ง 4 คน ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เหล่านี้เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้ง

นอกจากนี้ แบรนด์ยังวางสถานะตัวเองให้มีภาพลักษณ์อยู่ในลักษณะความเป็นพรีเมียม ดูแล้วทันสมัย ผ่านโลโก้ บรรยากาศของร้านอาหาร ตลอดจนการตั้งสาขาที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า, คอมมูนิตี้มอลล์ ตลอดจนทำเลที่ผ่านการสำรวจแล้วว่ามีศักยภาพ อีกทั้ง MAGURO ยังมองหาโอกาสที่จะพัฒนาแบรนด์ ต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทั้งในรูปแบบของการขยายสาขา และการเพิ่มแบรนด์ร้านอาหารใหม่ ๆ เข้ามาในเครือ

 

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา บมจ.มากุโระ กรุ๊ป ได้ IPO ซื้อขายใน mai ที่ราคา 15.9 บาทต่อหุ้น มีการเสนอขายทั้งหมด 126 ล้านหุ้น โดยหลังเปิดขายวันแรก พบว่าปิดตลาดอยู่ที่ 19.40 บาท เพิ่มขึ้น 3.5 บาท คิดเป็น 22.01% มีมูลค่าการซื้อขาย 2,719.97 ล้านบาท

ที่มา: set, maguro