หัวจะปวด! ChatGPT ทำข้อสอบได้คะแนนดีกว่านักศึกษา แบบที่อาจารย์จับไม่ได้


ChatGPT ชื่อนี้ถูกพูดมานานแล้ว และหากใครเคยได้ใช้งานก็จะรู้ดีว่าโปรแกรมนี้รู้แทบทุกอย่าง เพียงแค่ใส่คำถามลงไป รอประมวลผลไม่นาน ก็จะได้รับคำตอบที่ต้องการออกมา เรียกได้ว่าเป็นผู้รู้ที่ไขข้อสงสัย สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้คนในหลากหลายอาชีพ

การทดลองของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรที่จำลองการสอบโดยนำคำถามจากข้อสอบจริงมาให้ AI ทำ และนำคำตอบนั้นส่งไปให้อาจารย์ตรวจ ซึ่งผลลัพธ์คืออาจารย์ไม่รู้ว่านี่คือข้อสอบที่ทำโดย ChatGPT ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้คะแนนดีกว่านักศึกษาที่เป็นมนุษย์จริง ๆ ทำอีก

การศึกษานี้เกิดขึ้นที่ Reading University และตีพิมพ์ในวารสาร PLOS ONE แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างของ AI ที่พลิกโฉมหน้าการศึกษาโดยรวมอย่างไรบ้าง และสร้างความปวดหัวให้กับอาจารย์ผู้สอนในเรื่องการทำข้อสอบ รวมถึงประเมินนักเรียนในอนาคต

Etienne Roesch ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาการอ่าน และผู้ศึกษาร่วม กล่าวว่าการศึกษาของเราเน้นย้ำถึงความรับผิดชอบที่เรามีในฐานะผู้ผลิต และผู้บริโภคข้อมูล เราจำเป็นต้องลดความมุ่งมั่นในเรื่องความซื่อสัตย์วิชาการ และการวิจัยลงเป็น 2 เท่า

สำหรับกระบวนการศึกษา นักวิจัยจะมีคำถามทดสอบจากหลักสูตรปริญญาตรี ในด้านจิตวิทยา และให้ ChatGPT ของ OpenAI สร้างคำตอบ และส่งไปให้อาจารย์ตรวจโดยใช้ชื่อนักศึกษาที่ไม่มีอยู่จริงขึ้นมา โดยเป็นการสอบข้อเขียนสั้น ๆ ใช้คำไม่เกิน 200 คำ หรือเป็นเรียงความใช้คำไม่เกิน 1,500 คำ

 

 

ตามรายงานพบว่าอาจารย์ผู้ตรวจคำตอบให้คะแนนข้อสอบ และเลือกเฉพาะคำตอบที่ AI สร้างขึ้น โดยมองข้ามคำตอบที่เกิดจากมนุษย์ สรุปคือคำตอบของ AI มีคะแนนสูงกว่าเมื่อเทียบกับนักเรียนจริง ๆ

นักวิจัยอ้างว่าผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ChatGPT สามารถผ่านการทดสอบแบบจริง ๆ ได้ รวมถึงหาคำตอบว่าคอมพิวเตอร์สามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้หรือไม่ และหลอกบุคคลนั้นให้คิดว่าคอมพิวเตอร์นั้นเป็นบุคคลอื่น

นอกจากนี้ การศึกษายังเสนอวิธีการประเมินนักศึกษาควรเปลี่ยนแปลงจากเดิม และควรรวม AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาไม่ทางใดทางหนึ่ง หากมองในเรื่องการศึกษา แน่นอนว่านักศึกษาไม่สามารถใช้ AI หรือ ChatGPT ในห้องสอบได้ แต่ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ การเตรียมอ่านหนังสือ เพื่อมาทำข้อสอบ แต่หากเป็นการเรียน การสอนปกติ นักศึกษาก็สามารถใช้ ChatGPT ทำรายงานหาคำตอบได้ แบบไม่ต้องค้นคว้าอะไรเลย เพราะทุกอย่างถูกเสิร์ฟมาให้ถึงที่

ดังนั้น เรื่องนี้จึงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าอยากจะให้ตัวเองเป็นอย่างไร โดยเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ดี แต่ควรใช้ให้ถูกที่ ถูกเวลาแค่เท่านั้นเอง

ที่มา: futurism