รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
2.กินไขมัน สมองคือก้อนไขมัน และต้องการไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ ไขมันที่บำรุงสมองได้แก่จำพวกน้ำมันตับปลา ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน สารสกัดใบแปะก๊วย นมถั่วเหลือง
เมื่อพูดถึงอาหารที่รับประทานแล้วช่วยบำรุงสมอง อย่างง่ายๆ ก็คือ ปลากระป๋อง เพราะปลาซาดีนที่อยู่ในปลากระป๋องมีกรด RNA ไรโบนิวคลีอีกแอซิส ช่วยสร้างเซลล์สมองได้เร็วขึ้น มีผลทำให้ เรามีการคิดและการตัดสินใจ วิเคราะห์สิ่งต่างๆได้รวดเร็ว ต่อมาคืออาหารที่ช่วยสร้างการส่งข้อมูลของสมองต้องอาศัย กรดอะมิโนเป็นตัวนำไป อาหารที่มีกรดอะมิโนสูง ได้แก่ ถั่ววอลนัท ถั่วเหลือง และน้ำเต้าหู้ อันดับสุดท้ายคือ อาหารที่ช่วยสร้างเกราะให้กับตัวส่งข้อมูล ได้แก่อาหารจำพวกที่มีวิตามินบี 12 พบมากในหอยทะเล เนื้อปลาทุกชนิด
3.นั่งสมาธิวันละ 12 นาทีหลังจากตื่นนอน หรือก่อนนอน เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่ผ่อนคลายที่สุด ๆ สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ 4. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ จะทำให้สารเอ็นโดรฟินหรือสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้น ให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อย ๆ
เมื่อบำรุงสมองแล้ว เราก็ควรทำให้สมองมีความเฉียบคมอยู่เสมอ โดยการออกกำลังกายสมอง ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ 1. ออกกำลังประสาทสัมผัส ฝึกระบบประสาทสัมผัสทุกส่วน ตั้งแต่รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสและการได้ยิน 2. ลองทำกิจวัตรประจำวันด้วยมือข้างที่ไม่ถนัดดูบ้างเช่น การแปรงฟัน วิธีนี้จะช่วยให้สมองซีกที่ไม่ค่อยได้ออกแรงควบคุมการทำงานของร่างกายได้ขยับเขยื้อนทำหน้าที่ของตัวเองบ้าง 3. หลับตาอาบน้ำ เปิดโอกาสให้ใช้ประสาทสัมผัสอย่างจริงจัง
วิธีการเหล่านี้จะช่วยสร้างเสริมให้สมองของเรามีพัฒนาการอยู่ตลอดเวลา พร้อมรับการทำงานได้ในทุกสถานการณ์ และยังห่างไกลจากโรคเกี่ยวกับสมอง เช่น ความจำเสื่อม ได้อีกด้วย
ที่มา : Thaiquote