ใช้ได้อีกนาน! วิธีถนอมรักษาแอร์รถยนต์ให้เย็นนาน ไม่เสียง่าย


เริ่มต้นที่การเปิดปิดแอร์รถยนต์ หากเปิดในขณะที่เครื่องยนต์รถยังเย็นอยู่ก็ควรสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ถึงอุณหภูมิทำงานก่อนแล้วจึงเปิดสวิตซ์ระบบปรับอากาศ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 5 นาที โดยก่อนสตาร์ทควรตรวจดูสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์(ปุ่มA/C)ว่าเปิดหรือปิด หากเปิดอยู่ให้ปิดก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์ต้านทานการหมุนของเครื่องยนต์ในขณะสตาร์ท 2. ควรเปิดสวิตช์พัดลมเครื่องปรับอากาศก่อนโดยใช้ความเร็วสูงสุดเพื่อไล่ลมร้อนจากช่องปรับอากาศ จากนั้นจึงเปิดสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์ เมื่อจะเลิกใช้งานควรปิดสวิตซ์ระบบปรับอากาศ (A/C) ก่อนถึงจุดหมายปลายทางประมาณ 15 นาที แล้วเปิดพัดลมไปที่ความเร็วสูงสุด ทั้งนี้เพื่อลดการทำงานคอมเพรสเซอร์และไล่ความชื้นออกจากคอยล์เย็นหรือตู้แอร์ เพราะตู้แอร์ทำจากอลูมิเนียมจะเกิดการผุกร่อนได้ง่าย และจะลดกลิ่นเหม็นอับชื้นจากแอร์ในรถได้อีกด้วย

แต่หากเกิดกลิ่นอับที่ออกมาจากช่องปรับอากาศ สามารถแก้ไขได้โดยจอดรถในที่โล่งแจ้งที่แดดส่องได้อย่างทั่วถึง จากนั้นเปิดประตูรถให้หมดทุกบานทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงหรือจนกว่ากลิ่นอับจะหายไป แต่ถ้ากลิ่นอับยังคงรุนแรงอยู่ควรนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน

เรื่องต่อไปคือการตั้งอุณหภูมิ ไม่ควรตั้งให้เย็นสุดเป็นเวลานาน ๆ เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา ในส่วนการใช้สวิตซ์พัดลมควรเปิดไปที่ความเร็วพัดลมสูงสุดระยะหนึ่งก่อน แล้วจึงลดลงไปยังความเร็วน้อยตามต้องการ

ด้านวิธีการดูแลรักษาตู้แอร์ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอม หรือสเปรย์ปรับอากาศ เพราะไอระเหยของสารเคมีจะถูกดูดเข้าไปสะสมที่ครีบเล็ก ๆ ของคอล์ยเย็น(ตู้แอร์) สารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการดูดความชื้น ทำให้ฝุ่นผงไปจับตัวที่ครีบระบายความเย็นมากกว่าปกติ ความสามารถในการถ่ายเทความร้อนจะลดลง คอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานมากขึ้น

ในส่วนของการการดูแลรักษาทั่วไป ไม่ควรนำน้ำหอมชนิดที่เป็นแบบมีแอลกอฮอลเป็นส่วนประกอบไปเสียบไว้หน้าช่องแอร์ เพราะจะทำให้ตู้แอร์ซึ่งทำจากพลาสติกผุกร่อนเร็วขึ้นและระบบแอร์ เป็น “ระบบปิด” ซึ่งปกติไม่ต้องคอยเติมน้ำยาแอร์ หากมีการเติมน้ำยาแอร์บ่อยแสดงว่าอาจเกิดการรั่วซิมในระบบ

นอกจากนี้ไม่ควรเปิดกระจกขับรถบ่อย เพราะจะทำให้ฝุ่นละอองจากภายนอกเข้ามาอุดตันในตู้แอร์ได้เร็วขึ้น หรือหากมีเหตุจำเป็นที่ต้องเปิดกระจกขับรถควรปิดช่องแอร์บริเวณคอลโซลหรือจุดที่แอร์ออกให้หมดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ฝุ่นเข้าไปในระบบแอร์น้อยที่สุด อย่างไรก็ตามควรทำความสะอาดและเช็คสภาพของเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ทุก ๆ 1 ปี หรือทุก ๆ 20,000 กม.

เพียงเท่านี้เครื่องปรับอากาศในรถของคุณก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลาและสามารถยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้นอีกด้วย

ที่มา : Thaiquote