3 กุญแจสำคัญในตลาดที่ต้องใส่ใจเมื่อเทรด forex


 

นักเทรด forexทั้งมือใหม่และมืออาชีพนั้น จะให้ความสำคัญในเรื่องกลยุทธ์การเทรด เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ Indicator เช่น Moving Averages และ เส้นเทรนด์ไลน์ (Trend lines) เมื่อเทรดยูโรหรือเงินปอนด์พวกเขาไม่ค่อยดูทิศทางอย่างอื่นประกอบในการตัดสินใจในการเทรด แต่ว่าปัจจัยอื่นๆเหล่านี้บางครั้งก็สามารถเป็นกุญแจสำคัญในการทำกำไรได้และส่งผลต่อการขาดทุนของคุณในตลาด Forexได้เช่นกัน

หลายปีมานี้ ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพได้ใส่ใจกับตลาดอื่นๆเพื่อมายืนยันทิศทางในการเทรดและยังใช้โปรแกรมที่รุดหน้า ด้วยความที่เป็นมืออาชีพของพวกเขานั้นสามารถเห็นความสัมพันธ์ระหว่างตลาด ซึ่งเปิดเผยให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของการลงทุนที่ไปในทิศทางเดียวกันหรือทิศทางแตกต่างกัน ความสัมพันธ์เหล่านี้เรียกว่า ค่า Correaltionที่เกิดขึ้นในตลาดเหล่านี้ เช่น น้ำมันดิบ ดัชนีดอลล่าร์แคนาดา ราคาฟิวเจอร์ทองคำ และดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย และตัวอย่างอื่นๆ เช่น เงินเยนเมื่อเทียบกับดอลล่าร์ หรือแม้แต่พันธบัตรระยะสั้นของรัฐบาลญี่ปุ่น

มาดูว่าตลาดอื่นนั้นมีความสำคัญหรืออิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของตลาด Forexเป็นอย่างไร

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเชื่อหรือไม่ว่าอัตราแลกเปลี่ยนและตลาดพันธบัตรมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดทิศทางของตลาดสินทรัพย์ทั้งสองตัวนั้นค่อนข้างขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจของประเทศและนโยบายทางการเงินของประเทศนั้นๆ ถ้าเศรษฐกิจของประเทศมีความแข็งแกร่งนักลงทุนจะซื้อพันธบัตรซึ่งเสนอมาจากประเทศนั้นๆ ดังนั้นเราต้องดูว่ามีอัตราผลตอบแทนที่สูงและคงที่อย่างต่อเนื่องหรือไม่ เพราะว่ามันจะส่งผลไปถึงอุปสงค์ของค่าเงินที่จะเพิ่มขึ้นด้วย และด้วยเหตุนี้ควรจะให้ความสำคัญกับอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อนักลงทุนต่างชาติสนใจที่จะลงทุนในประเทศนั้น (และลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน) มันก็จะมีการทำธุรกรรมเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนเกิดขึ้น ทำให้เงินเปลี่ยนมือจากอีกมือหนึ่งไปสู่มือหนึ่ง

และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้จัดการกองทุนต่างๆจะดูเรื่องของผลตอบแทนของพันธบัตรอายุระยะสั้นด้วย เพื่อยืนยันการเกิดเทรนด์ในตลาดแลกเปลี่ยนค่าเงิน การเคลื่อนไหวต่างๆในสินทรัพย์ทางการเงินตัวหนึ่ง สามารถทำนายหรือยืนยันการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ทางการเงินตัวอื่นได้

ฟิวเจอร์ค่าเงิน

เครื่องมือทางการเงินประเภทอนุพันธ์ เช่น อนุพันธ์ค่าเงิน ก็เป็นตัวยืนยันที่ดีเยี่ยมของทิศทางการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศหรือ forex

ในตลาดทุนโบรกเกอร์หุ้นและนักเทรด จะคอยดูปริมาณการเทรดเพื่อยืนยันน้ำหนักในการเกิดเทรนด์ นักเทรดค่าเงินก็จะใช้ฟิวเจอร์ของค่าเงินในการสังเกตอุปสงค์ของค่าเงินตัวที่อ้างอิงนั้นๆ ซึ่งข้อมูลประเภทนี้สามารถใช้ในการทำนายอุปสงค์ในอนาคตของค่าเงิน และยังใช้ทำนายอุปสงค์ของตลาดโภคภัณฑ์ด้วยเช่นกัน

แม้ว่านักวิเคราะห์หรือนักกลยุทธ์บางคน จะมองในเรื่องของ order ที่ไม่ได้หวังทำกำไรและ order ที่หวังทำกำไรด้วย

ตลาด Credit Default Swap

เป็นตลาดที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนักหรือเรียกอีกอย่างว่าเครื่องมือ CDS สามารถช่วยให้เห็นทิศทางของค่าเงินในระยะยาวได้ดีเช่นกัน CDS เพิ่งจะเป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งมันก็คือสัญญาที่ออกแบบไว้เพื่อป้องกัน order ของฝั่งผู้ซื้อต่อดัชนีความเชื่อมั่นต่างๆ ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการกองทุนสามารถซื้อเครดดิตมูลค่า 100 ล้านเหรียญในพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นโดยการจ่ายค่าพรีเมียม และเมื่อเหตุการณ์ภาวะวิกฤติเกิดขึ้นผู้จัดการกองทุนจะได้ค่าชดเชยพันธบัตรคืน ดังนั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากฟิวเจอร์สค่าเงิน CDS เป็นตัวหนึ่งที่จะบอกได้ว่าตลาดกับอยู่ในภาวะขาขึ้นหรือขาลง

ในช่วงที่เกิดวิกฤตหนี้สินในปี 2010 CDS เป็นตัวยืนยันถึงความขมขื่นของสภาวะตลาดสินทรัพย์ทางการเงินของยุโรป ตอนนั้น CDS พุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติกาล ประเทศอุตสาหกรรมต่างๆอย่าง สหรัฐฯ อังกฤษ พอใจกับอัตรา Swap Rate ที่เฉลี่ย 50 จุด Swap ของกรีซสูงกว่าตอนนี้ถึง 15 เท่า ตอนที่เกิดวิกฤติหนี้สินในกรีซ ความแตกต่างของ Swap Rate ที่มากมายนี้ยืนยันการเกิดการเทขาย ค่าเงินยูโรแกว่งตัวถึง 20% เลยทีเดียว

เมื่อเราใช้เครื่องมือข้างต้นเหล่านี้ สามารถยืนยันการตัดสินใจในการเทรดของเราได้เป็นอย่างดี เพื่อทำให้ผลตอบแทนของการลงทุนมากยิ่งขึ้น ด้วยความเชื่อมโยงกันที่มากขึ้นของตลาดโลกทุกวันนี้ และต้องพยายามเข้าใจความสัมพันธ์ของตลาด เพราะว่ามันช่วยให้นักลงทุนได้กำไรเพิ่มขึ้นจากการศึกษาพวกมัน

ที่มา : www.jubtadu.com