‘บีโอไอ’เผย!มูลค่า คำขอลงทุน3เดือนแรกเพิ่มขึ้น


ประเทศญี่ปุ่นยังคงเดินหน้าลงทุนในไทยเป็นอันดับหนึ่ง เนเธอร์แลนด์ตามมาเป็นอันดับสองคาดโครงการใหญ่ๆจะยื่นขอรับการส่งเสริมไตรมาส 2/59 ภายใต้นโยบายคลัสเตอร์ไม่น้อยกว่า 80,000 ล้านบาท ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การส่งเสริมการลงทุนในไตรมาสแรกปี 2559 (ม.ค.- มี.ค.) เทียบกับปี 2558 พบว่า มูลค่าคำขอเพิ่มขึ้น 234% หรือจาก 26,930 ล้านบาท เป็น 89,900 ล้านบาท และจำนวนโครงการเพิ่มขึ้น 98% จาก 157 โครงการ เป็น 311 โครงการ แต่หากเป็นรายเดือนมี.ค. พบว่าอยู่ที่ 54,010 ล้านบาท จากเดือนมี.ค. 2558 อยู่ที่ 10,380 ล้านบาท โดยประเทศญี่ปุ่นยังลงทุนในไทยเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 30% ของมูลค่า FDI โดยการลงทุนจากญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นการผลิตชิ้นส่วนระบบเครื่องยนต์ 7,200 ล้านบาท และการผลิตรถยนต์ 2,875 ล้านบาท

ส่วนการลงทุนจากเนเธอร์แลนด์ เป็นอันดับสอง โดยเป็นการผลิตเคมีภัณฑ์ หรือโพลิเมอร์ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 4,000 ล้านบาท คอนแทคเลนส์ 2,401 ล้านบาท เลนส์แก้วตาเทียม 1,813 ล้านบาท และชิ้นส่วนยานพาหนะ 1,754 ล้านบาท สำหรับการลงทุนจากจีนเป็นการผลิต ซิลิกา 1,400 ล้านบาท ชิ้นส่วนโซลาร์เซลล์ 728 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์เหล็ก 700 ล้านบาทและขนส่งทางอากาศ 700 ล้านบาท การลงทุนจากเกาหลี เป็นการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง 3,541 ล้านบาท

โครงการใหญ่ที่คาดว่าจะยื่นขอรับการส่งเสริมไตรมาส 2/59 คาดว่าจะมีคำขอภายใต้นโยบายคลัสเตอร์ไม่น้อยกว่า 80,000 ล้านบาท ในอุตสาหกรรมต่าง ๆเช่น เคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชิ้นส่วนยานยนต์ ยางอากาศยาน ระบบอัตโนมัติ สิ่งทอ นอกจากนี้คาดว่าจะมีโครงการใหญ่อื่นๆ ยื่นคำขอไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาทในอุตสาหกรรมต่าง ๆเช่น เคมีภัณฑ์ เกษตรและอาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์โลหะ และการผลิตไฟฟ้า