1.อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อ.ภูกระดึง จ.เลย เหมาะเป็นสถานฝึกฝนของผู้เริ่มต้นเดินป่าระยะไกล ด้วยการเดินเท้าขึ้นเขาชัน 5 กม. บวกอีก 3 กม. ในทางราบ นี่ยังไม่รวมการเดินเท้าไปยังจุดเที่ยวต่างๆ แน่นอนว่าคุณต้องเหนื่อยและเมื่อยล้าแต่ด้วยความสวยงาม 7 ผา 9 น้ำตก ทำให้สถานที่แห่งนี้ยังคงสามารถดึงดูดนักนิยมไพร ไม่ว่าจะรุ่นใหม่รุ่นเก๋าต่างต้องแวะเวียนมาเสมอ โดยทั่วไปของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จะเป็นภูเขาหินทรายมีพื้นราบ ยอดเขาเขากว้างใหญ่ ยอดสูงสุดคือ ภูกุ่มข้าว ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,350 เมตร และเป็นแหล่งกำเนิดของลำน้ำพอง ภูกระดึง ยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่ามากมายหลายชนิด เพราะว่ามีลักษณะภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยป่าไม้ ทุ่งหญ้าและลำธาร และยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น ผานกแอ่น ผาหล่มสัก สระอโนดาด สระแก้ว น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกโผน น้ำตกตาดร้อง เป็นต้น ซึ่งธรรมชาติได้รังสรรค์ไว้อย่างสวยงาม
2.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ผืนป่ามรดกโลกใกล้กรุงเทพฯ ซึ่งเต็มไปด้วยความอุดมสมบรูณ์ของทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่านานาชนิด จุดท่องเที่ยวบนเขาใหญ่นั้นมีหลายแห่ง สำหรับคนที่ชอบการผจญภัยมักจะนิยมเป็นการล่องแก่ง เดินป่า ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้แก่ น้ำตกเหวนรก น้ำตกเหวสุวัต ปาริโอ สวนซ่อนศิลป์ ผาเดียวดาย และเส้นธรรมชาติหนองผักชีอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือ การส่องสัตว์ กิจกรรมการศึกษาชีวิตสัตว์ป่าในยามค่ำคืนเขาใหญ่ถือว่าเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิต และไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่มีผืนป่ากว้างใหญ่ มีสัตว์ป่ามากมายหลายชนิด นอกจากนี้เขาใหญ่ยังมีที่พักชื่อดังหลายแห่ง ถือได้ว่ามาที่นี่ที่เดียวสามารถเที่ยวได้หลากหลายอารมณ์ และมีที่พักหลากหลาย รับรองได้ว่าเขาใหญ่จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง
3.อุทยานแห่งชาติน้ำพอง มีชื่อเรียกตามต้นกำเนิดของลำน้ำพองที่ไหลรวมกับเขื่อนอุบลรัตน์ เป็นแหล่งกำเนิดลำน้ำชีและลำน้ำพอง มีจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ ตื่นตากับหินช้างและหน้าผาหินทรายในภูเขาหินทรายที่มีความหลากหลายทางภูมิทัศน์ อุทยานแห่งชาติน้ำพอง ถือว่าเป็นอุทยานแห่งชาติ ที่อยู่ใกล้กับตัวเมืองขอนแก่น ที่สามารถขับรถจากตัวเมือง เพื่อแวะชมวิวที่สวยงามของทะเลสาบเขื่อนอุบลรัตน์ หรือว่าจะค้างคืนในห้องพักหรือต้องการนอนกางเต็นท์ริมทะเลสาบก็สามารถทำได้ ในฤดูหนาว ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ร่องความกดอากาศสูงจากประเทศจีน ยังช่วยสร้างบรรยากาศได้ดีมากๆ
จากภูมิปัญญาสู่เวทีโลก เส้นทางอุตสาหกรรม Health-Wellness ไทย สู่เบอร์หนึ่งในใจคนทั่วโลก
ท่ามกลางกระแสสุขภาพและเวลเนส (Health-Wellness) ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั่วโลก ประเทศไทยได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจสปาและเวลเนสระดับสากล ด้วยจุดแข็งด้านภูมิปัญญาไทยและมาตรฐานการบริการที่โดดเด่น ศักยภาพสปาไทยในตลาดโลก: มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ นางสาวชวนัสถ์ สินธุเขียว ประธานสมาพันธ์สมาคมสปาแอนด์เวลเนสไทย และผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปีในวงการสปาและเวลเนส เผยถึงความสำเร็จของธุรกิจสปาไทยในเวทีโลก พร้อมชี้ให้เห็นถึงโอกาสการเติบโตในตลาดที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ นางสาวชวนัสถ์ สินธุเขียว ประธานสมาพันธ์สมาคมสปาแอนด์เวลเนสไทย “ความโดดเด่นของสปาไทยอยู่ที่การผสานศาสตร์การนวดไทยเข้ากับแนวคิดเวลเนสระดับสากลได้อย่างลงตัว การทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษาและกระทรวงสาธารณสุขในการพัฒนามาตรฐาน ทำให้สปาไทยได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ” แนวโน้มและการเติบโตของสปาไทยในตลาดต่างประเทศ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สปาไทยได้รับความนิยมสูงในตลาดสำคัญทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป อย่างประเทศฝรั่งเศสและกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ที่นิยมศาสตร์การนวดแบบไทยเพื่อการบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะดูไบและประเทศในกลุ่ม GCC ต่างให้ความสนใจเปิดธุรกิจสปาไทยในโรงแรมและรีสอร์ตระดับหรู ส่วนในเอเชีย ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน มีความต้องการเทอราปีสไทยสูงมาก เนื่องจากชื่นชอบเทคนิคการนวดที่เป็นเอกลักษณ์และผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่มีคุณภาพ การปรับตัวสู่เทรนด์ Medical Spa และ Wellness Retreat ธุรกิจสปาไทยได้พัฒนาก้าวไกลกว่าการให้บริการนวดเพื่อผ่อนคลาย โดยมุ่งสู่การเป็นศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม มีการผสมผสานการแพทย์แผนไทยกับการแพทย์แผนปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่การตรวจสุขภาพเบื้องต้นก่อนรับบริการ การจัดโปรแกรมโภชนาการเฉพาะบุคคล ไปจนถึงการดูแลสุขภาพจิตผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำสมาธิ โยคะ และการบำบัดด้วยกลิ่น นอกจากนี้ […]
