ปิดเหมืองทองคำ หวั่นเสียโอกาสธุรกิจอัญมณี


นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการฝ่ายประสานกิจการภายนอก บมจ.อัครา รีซอร์สเซส กล่าวว่า ประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสของธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ หลังจากที่รัฐบาลจะยกเลิกการทำกิจการเหมืองแร่ทองคำในประเทศทั้งหมดหลังสิ้นปี 59 โดยบริษัทจำเป็นต้องทบทวนแผนงานใหม่ทั้งหมดจากเดิมที่เตรียมจะลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาทเพื่อผลิตสินแร่ทองคำรองรับการผลิตได้อีกราว 7 ปี ขณะที่ล่าสุดบริษัทได้รับอนุญาตให้โรงประกอบโลหกรรมที่จะหมดอายุในวันที่ 13 พ.ค.นี้ได้ถึงแค่สิ้นปีนี้เท่านั้น ทั้งนี้ในส่วนของบริษัท คิงส์เกท คอนโซลิเดดเต็ด ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 48% นั้น ก็เฝ้าติดตามเรื่องดังกล่าวอยู่ ซึ่งหลังจากนี้คงต้องทำความเข้าใจร่วมกันว่าจะมีแนวนโยบายดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งเบื้องต้นเห็นว่าเป็นสิ่งที่ลำบากพอควร

ทั้งนี้บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด มีประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำเพื่อผลิตสินแร่ทองคำ  ทั้งหมด 14 แปลง พื้นที่รวม 3,725 ไร่ ในพื้นที่รอยต่อจ.พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีประทานบัตร 1 แปลงที่หมดอายุตั้งแต่ปี 55 และอยู่ระหว่างการขอต่อประทานบัตร ซึ่งที่ผ่านมาการต่ออายุประทานบัตรดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติแร่ พร้อมทั้งได้จ่ายค่าผลตอบแทนพิเศษให้กับภาครัฐตามกฎหมายเป็นเงิน 19 ล้านบาทแล้วตั้งแต่ปี 55 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับอนุญาตให้ต่ออายุประทานบัตร ขณะที่จะมีประทานบัตรอีก 4 แปลงที่จะหมดอายุในปี 62 และอีก 9 แปลงจะหมดอายุในปี 71

ขณะที่มีโรงประกอบโลหกรรม ซึ่งมีกำลังการผลิต 6.2 ล้านตัน/ปี โดยมีการผลิตแท่งโลหะผสม ที่มีชื่อเรียกทางการค้าว่า แท่งโดเร่ (Dore) ซึ่งจะมีส่วนผสมของโลหะคำ 10-15% ,โลหะเงิน 80% ส่วนที่เหลือเป็นโลหะไม่มีค่าอื่น ซึ่งแท่งโดเร่ที่ผลิตได้จะถูกส่งไปแยกเป็นโลหะทองคำบริสุทธิ์ 99.99% และโลหะเงินบริสุทธิ์ 99.50% ที่ต่างประเทศ เพราะว่าในช่วงก่อนหน้านี้ไทยไม่มีโรงงานแยกทองคำบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถผลิตทองคำได้ราว 1.2-1.3 แสนออนซ์/ปีเท่านั้น โดยโรงประกอบโลหกรรมดังกล่าวนั้นจะหมดอายุของใบอนุญาตในวันนี้( 13 พ.ค.59)