รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
เมื่อพูดถึงพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของคนในยุคปัจจุบันแล้ว หลายคนมักจะขาดความรู้ความเข้าใจ หรือบางครั้งปล่อยปละละเลยในการดูแลตัวเอง ซึ่งในบางครั้งนั้น พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของเราก็อาจมีส่วนกระตุ้นหรือทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ พฤติกรรมการกินก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้ เรามีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้ ทำไมเราถึงบอกว่า พฤติกรรมการกิน มีส่วนในการทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานนั้น เนื่องจากโรคอ้วนถือเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของการเกิดโรคเบาหวาน การกินอาหารโดยขาดการใส่ใจต่อสุขภาพตัวเอง นอกจากความอ้วนแล้ว การเลือกกินอาหารที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เรามีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้นด้วย หลายคนมักมีความเข้าใจว่าการกินหวานมากๆทำให้เกิดโรคเบาหวาน แต่จริงๆแล้วการกินหวานไม่ใช่สาเหตุหลักของการเกิดโรคเป็นเพียง การกระตุ้นอาการซึ่งอาจทำให้ผู้ที่ป่วยมีอาการกำเริบมากขึ้นได้ ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคเบาหวานนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายสาเหตุ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง มักจะมีสาเหตุร่วมกันในการเกิดโรค โดยอาจใช้สาเหตุของการเกิดโรค ในการแบ่งเป็นประเภทได้
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ ซึ่งมักจะเกิดร่วมกันหลายสาเหตุ ลองมาดูว่ามีสาเหตุอะไรบ้าง
3. เกิดจากอายุที่มากขึ้น เมื่อมีอายุมากขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานของตับอ่อนก็จะลดลง ส่งผลให้การหลั่งอิซูลินลดลงไปด้วย
4. เกิดจากการตั้งครรภ์ ฮอร์โมนจากรก มีส่วนทำให้อิซูลินทำงานได้น้อยลง
5. เกิดจากการเป็นโรคของตับอ่อน ผู้ที่ดื่มเหล้ามากๆจนตับทำงานหนัก มีผลทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับตับอ่อนได้ ในส่วนของอาการนั้นตัวเราเองสามารถสังเกตอาการ หรือสัญญาณเตือนบางอย่างได้ หากเราสังเกตแล้วมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจให้มีความชัดเจนมายิ่งขึ้น
น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วและไม่ทราบสาเหตุ โดยปกติเราสามารถลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย แต่หากเรามีพฤติกรรมการกินที่ปกติแต่น้ำหนักยังคงลดลง อย่างรวดเร็วเราไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะน้ำหนักที่ลดลงอย่างรวดเร็วนั้น อาจเป็นสัญญาณ บ่งบอกของโรคบางชนิดอย่างเบาหวานได้ สาเหตุที่น้ำหนักลดนั้น เป็นเพราะ ว่าร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ ร่างกายจึงเหมือนอยู่ในสภาวะขาดอาหาร ทำให้ร่างกาย ดึงในส่วนโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาใช้ทดแทน และยังเกิดจากการเผาผลาญแคลลอลี่ที่มากเกินไปด้วย สาเหตุนี้จึงทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว
หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นทำให้ร่างกายต้องขับออกมาทางปัสสาวะ และในขณะเดียวกันร่างกายก็สูญเสียน้ำจากการที่เราปัสสาวะบ่อย ทำให้เราเกิดอาการกระหายน้ำ อาการเหล่านี้จะแสดงให้เห็นเมื่อเรามีน้ำตาลเลือดสูง หลังจากน้ำตาลลดลงอาการเหล่านี้ก็จะหายไป
หิวบ่อย สาเหตุที่เราหิวบ่อยนั้นเกิดจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ ทำให้ร่างกายนำพลังงานจากไขมัน และโปรตีนจากกล้ามเนื้อ มาใช้ จึงทำให้เราหิวบ่อยนั่นเอง
มีอาการอ่อนเพลีย เนื่องจากน้ำหนักที่ลดลง และร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานใน ปริมาณที่เพียงพอ จึงทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย
แผลหายช้า หากเราสังเกตและรับรู้ถึงอาการที่แผลหายช้า ควรทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อสามารถทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที สาเหตุที่แผลหายช้านั้นเกิดจากระดับน้ำตาลเลือดที่สูงนั้นจะไป ลดประสิทธิภาพการทำงานของหลอดเลือด และยังเป็นอาหารอย่างดีต่อเชื้อโรค ทำให้เมื่อเกิดบาดแผล มีเลือดมาเลี้ยงบาดแผลน้อย เม็ดเลือดขาวทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงเกิดเชื้อโรคที่บริเวณแผล ทำให้แผลหายช้า
มีปัญหาเกี่ยวกับสายตา เกิดจากน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น และผู้เป็นแต่ไม่ได้รับการรักษาทำให้เกิด การเสื่อมของจอประสาทตา หากเรามีอาการตาพร่ามัว หรือมองไม่ชัด เป็นๆหาย ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจ
มีอาการชาตามปลายมือปลายเท้า อาการนี้จะเกิดกับคนที่เป็นเบาหวานมาระยะเวลานึง ระดับน้ำตาล ในเลือดที่สูงขึ้น เริ่มเข้าไปทำลายเส้นประสาทบางส่วน อาจส่งผลให้ปลายประสาทอักเสบ ซึ่งคนที่เป็นโรคนี้แล้วยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือทำการรักษาที่ถูกวิธี เสื่อมของจอประสาทตาอาจทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ จะเห็นได้ว่า เบาหวานนั้นเป็นโรคที่มีความร้ายแรง หากขาดการรักษาอย่างถูกวิธี แต่ยังมีทางป้องกันสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคนี้ อย่างน้อยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกาย สังเกตตัวเอง หรือการพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คน้ำตาลในเลือด สิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วย ในการป้องกันหรือลดความเสี่ยง ให้ตัวเรานั้นห่างไกลจากโรคเบาหวานได้