รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
เรียนจบแล้วทำงานอะไรดี? รับราชการหรืองานเอกชน
“เรียนจบมาก็แล้ว จะเข้างานเอกชนหรืองานราชการดี ?” เป็นคำถามที่หลายคนนั้นกำลังให้ความสนใจอย่างมากเลยเช่นกัน เกี่ยวกับเรื่องของการเข้าทำงานนั่นเอง โดยในวันนี้นั้น โจทย์ก็คือ หากเราอยากจะทำงานเราจะเข้าไปทำงานในหน่วยงานที่เป็นภาคเอกชน หรือของงานราชการดีกันแน่
ซึ่งเราจะมาวิเคราะห์และเห็นถึงความเป็นไปได้ รวมถึงจุดดีจุดเด่นให้เราได้ลองพิจารณากันดู เราจะได้ตัดสินใจได้เลยว่าเรานั้นเหมาะสมกับงานประเภทไหนกันแน่
การเริ่มต้นงานราชการนั้นมีการเริ่มต้นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย : เราเคยได้ยินในเรื่องของการทำงานราชการที่มาจากเข้างานตั้งแต่อายุน้อยๆหรือไม่ ด้วยวัย 19 ปี เพิ่งจบการศึกษาระดับ ปวช. หรือจะอายุ 20 ปีที่เพิ่งจบการศึกษาในระดับ ปวส. ในยุคสมัยนี้นั้นสามารถที่จะเข้าทำงานราชการในฐานะลูกจ้างราชการได้อย่างเช่นในหน่วยงานของกองทัพไทยเช่น กองทัพบก , กองทัพเรือและกองทัพอากาศอีกด้วย แต่การเป็นลูกจ้างชั่วคราวในหน่วยงานราชการนั้นจะมีการทำสัญญาแบบเป็น 4 ปีครั้งหนึ่ง ไม่ได้มีการบรรจุแต่อย่างใด และอีกแบบหนึ่งก็คือจะเกี่ยวกับเหล่านักเรียนที่เพิ่งจะจบการศึกษาระดับมัธยมต้น พวกเขาจะมีโอกาสที่จะได้สอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร เพื่อที่จะได้จบออกมาจากสถาบันการศึกษาของนายทหารตำรวจ 4 เหล่าทัพ ซึ่งเมื่อจบมาแล้ว ก็จะสามารถบรรจุเข้าไปเป็นนายทหาร-ตำรวจชั้นสัญญาบัตรได้ทันที ซึ่งจุดนี้จะต้องดำเนินการสอบเข้าก่อน แต่ก็เรียกว่าคุ้มค่าอย่างมากเพราะถ้าหากว่าสามารถสอบเข้าและจบการศึกษาออกมาได้
งานเอกชนนั้นน้อยแห่งที่จะรับคนทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย : สืบเนื่องจากว่าหน่วยงานเอกชนหลายแห่งนั้นไม่ค่อยจะเปิดโอกาสให้กับคนที่ยังไม่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีมากนัก จึงค่อนข้างจะเป็นไปได้ยากมากถ้าหากว่าคนที่อยากจะเข้าทำงานในระดับเอกชนนั้นจะมีวุฒิการศึกษาที่น้อยกว่าปริญญาตรี แต่ก็ยังมีอยู่บ้างที่ยังรับในระดับ อนุปริญญาหรือในระดับ ปวช.และ ปวส. ด้วยเหมือนกัน
จุดดีและจุดด้อยของงานราชการ : ความมั่นคงในอาชีพการงานของการทำงานราชการนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้หลายคนนั้นให้ความสนใจอย่างมากที่จะได้สอบเข้าเพื่อทำงานราชการ อีกทั้งการที่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายหลายอย่างได้จากทางหน่วยงานต้นสังกัดอย่างเช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือจะเป็นค่าเล่าเรียนบุตรก็สามารถเบิกได้ทั้งหมดจนกว่าบุตรจะอายุครบ 20 ปีเลยอีกด้วยอีกทั้ง เรายังมีโอกาสที่จะได้สวมใส่เครื่องแบบของหน่วยงานราชการที่ดูดีอีกด้วย ตอนที่เกษียรอายุก็ยังได้รับเงินบำนาญอีกด้วยนั่นเอง แต่จุดด้อยของการทำงานราชการก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าการสอบเข้าราชการนั้นเป็นการสอบเข้าที่ต้องอาศัยความสามารถจากการเรียนรู้ตั้งแต่สมัยเรียนมาใช้และจะต้องผ่านการสอบ กพ. มาก่อน และในแต่ละปี อัตราจำนวนคนสอบนั้นมีเยอะมากและเราจะต้องแข่งขันกับคนทั่วประเทศที่มี่ความฝันที่อยากจะรับราชการ และหากว่าเราสอบผ่านแล้วก็ใช่ว่าจะได้ปฏิบัติหน้าที่เลย เราจะต้องรอวาระของเราที่ทางหน่วยงานราชการที่เราสอบนั้นจะเรียกตัวเรา อีกทั้งยังมีเรื่องของเงินเดือนอีกที่ค่อนข้างน้อย
จุดดีและจุดด้อยของงานเอกชน : งานเอกชนนั้นก็นับว่ามีในเรื่องของการเลื่อนขั้นที่หากว่าเป็นองค์กรใหญ่หน่อย มีความมั่นคงสูง คุณจะมีโอกาสก้าวหน้าทั้งการทำงาน ตำแหน่งงานและเงินเดือน รวมถึงการได้โบนัสรายปีที่ค่อนข้างมาก แต่สำหรับจุดด้อยนั้น ต้องมองไปที่เรื่องขององค์กรเป็นหลัก ถ้าหากเป็นองค์กรที่มีขนาดเล็กนั้นความมั่นคงก็อาจจะมีไม่มากนักและอาจจะมีปัญหาเรื่องเงินเดือนที่ค่อนข้างจะตันหน่อย