ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มถึงจะอยู่รอด
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติ หรือยูโร 2016 ที่จัดขึ้น ณ ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน – 10 กรกฏาคม ซึ่งเป็นหนึ่งมหกรรมกีฬาที่มีความน่าสนใจในช่วงหน้าร้อนของยุโรป การแข่งขันในครั้งนี้มีความแปลกใหม่ขึ้นมา นั่นคือการเพิ่มทีมเข้าร่วมการแข่งขัน จาก 16 ทีม เป็น 24 ทีม
การเข้ามาแข่งขันในรอบสุดท้ายของแต่ละชาติ นำมาสู่ความสนใจ ติดตามของแฟนฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 5 ชาติที่เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะแรก ไม่ว่าจะเป็น แอลเบเนีย ไอร์แลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ สโลวะเกีย และเวลส์ ตลอดจนสปอนเซอร์รายต่างๆมีความกระตือรือร้นทำการตลาดกระตุ้นยอดขายผ่านทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์
หนึ่งในนั้นคือ บริษัทชุดแข่งขันกีฬา ที่ให้การสนับสนุนในแต่ละชาติ ซึ่งมีการเปิดตัวชุดแข่งขัน สร้างความตื่นเต้นให้แฟนฟุตบอล รวมถึงผู้คนทั่วไปอยากจับจองเป็นเจ้าของ
เสื้อแข่งขันมีอิทธิพลได้จริงหรือ แบรนด์เสื้อกีฬาในยูโร 2016 เปรียบเทียบกับยูโร 2012 และฟุตบอลโลก 2014 เป็นเช่นไร มาหาคำตอบกันเลยครับ
7 แบรนด์ สปอนเซอร์ชุดแข่งขันในยูโร 2016
7 แบรนด์กีฬาที่เป็นสปอนเซอร์ชุดแข่งขันให้กับทีมชาติในศึกยูโร 2016 ประกอบด้วย Adidas Nike Puma Erreà, Joma, Macron และ Umbro
เมื่อแบ่งสัดส่วนการเป็นสปอนเซอร์ชุดแข่ง พบว่า Adidas สนับสนุน 9 ชาติ ซึ่งมาทีมมหาอำนาจอย่างเยอรมนี แชมป์โลกทีมล่าสุด และสเปน แชมป์เก่ายูโรครั้งที่แล้ว รวมถึงรัสเซีย เวลส์ ไอร์แลนด์เหนือ ยูเครน เบลเยี่ยม สวีเดน ฮังการี อีกทั้งยังเป็นสปอนเซอร์หลักของยูโร 2016 อีกด้วย
Nike สนับสนุน 6 ชาติ ทั้งเจ้าภาพ ฝรั่งเศส ทีมขวัญใจมหาชนอย่างอังกฤษ รวมถึง โปแลนด์ โครเอเชีย โปรตุเกส และตุรกี Puma สนับสนุน 5 ชาติ ประกอบด้วยสวิตเซอร์แลนด์ สโลวะเกีย สาธารณรัฐเช็ก อิตาลี และออสเตรียส่วน Erreà สนับสนุน ไอซ์แลนด์ Joma สนับสนุน โรมาเนีย Macron สนับสนุนแอลเบเนีย Umbro สนับสนุนไอร์แลนด์ ตามลำดับ
มากว่า 60% ของแต่ละกลุ่มมีอย่างน้อย 1 ทีมใส่แบรนด์ Adidas
Adidas เป็นผู้สนับสนุนชุดแข่งขันส่วนใหญ่ของทีมชาติที่เข้าร่วมการแข่งขันในยูโร 2016 จึงไม่แปลกใจที่แบรนด์ดังกล่าวที่จะมีอิทธิพลในแต่ละกลุ่ม โดย 22 จาก 36 แมตช์ มีอย่างน้อย 1 ทีมที่ใส่แบรนด์ Adidas
เมื่อลงดูในรายละเอียดในรอบแบ่งกลุ่ม ทีมชาติที่ใส่เสื้อแบรนด์ Adidas จะพบกับทีมชาติที่ใส่แบรนด์ Nike ถึง 8 แมตช์ ทีมชาติที่ใส่เสื้อแบรนด์ Adidas พบกับทีมชาติที่ใส่เสื้อแบรนด์ Puma อยู่ 6 แมตช์ ทีมชาติที่ใส่เสื้อแบรนด์ Adidas จะพบกับทีมชาติที่ใส่เสื้อแบรนด์ Adidas เหมือนกัน อยู่ 5 แมตช์ เช่นเดียวกับทีมชาติที่ใส่เสื้อแบรนด์ Nike เจอกับทีมชาติที่ใส่เสื้อแบรนด์ Puma ที่จะพบกัน 5 แมตช์
แบรนด์เสื้อกีฬายูโร 2016 เปรียบเทียบกับยูโร 2012 และฟุตบอลโลก 2014
ในยูโร 2012 มีเพียง 4 แบรนด์เท่านั้นที่ให้การสนับสนุนเสื้อแข่งทีมชาติ ได้แก่ Adidas Nike Umbro และ Puma ซึ่งในรายของ Umbro นั้นจาก 4 ปีที่แล้วได้สนับสนุน 3 ชาติด้วยกัน แต่ครั้งนี้กลับต้องเสียลูกค้ารายใหญ่ไป นั่นคืออังกฤษที่เปลี่ยนไปใส่แบรนด์ Nike เป็นเวลา 5 ปี เช่นเดียวกับสวีเดน ที่เปลี่ยนไปใส่แบรนด์ Adidas เช่นกัน
ส่วนฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล มี 8 แบรนด์ชุดแข่งขันที่แตกต่างกัน ซึ่งมีทั้งแบรนด์ระดับโลก เรื่อยจนถึง แบรนด์ในประเทศของทีมชาติที่เข้าร่วมการแข่งขัน เช่น เอกวาดอร์ ใส่แบรนด์ Marathon เบลเยี่ยมใส่แบรนด์ Burrda แต่หลังจากนั้น “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ได้เปลี่ยนมาใส่แบรนด์ Adidas หลังจบฟุตบอลโลก
จากข้อมูลที่กล่าวมา เห็นได้ชัดเจนว่า แบรนด์ Adidas Nike และ Puma ครองการเป็นสปอนเซอร์หลักชุดแข่งขันให้กับทีมชาติในทัวร์นาเมนต์สำคัญๆทั้งฟุตบอลโลก และฟุตบอลยูโร โดย Nike สนับสนุนแบรนด์ชุดแข่งมากที่สุดในฟุตบอลโลก 2014 ตามาด้วย Adidas และPuma ในศึกยูโร 2016 กลับเป็น Adidas เป็นฝ่ายกุมอำนาจในสนามการแข่งขัน
By : อนิรุทธิ์ จารึกธรรม
