รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
ตัดสินใจให้ถูก ใช้ WordPress หรือ Joomla! ในการทำเว็บไซต์ การประกอบเว็บไซต์ขึ้นมานั้น เป็นหนึ่งในศาสตร์ของการรังสรรค์หน้าร้านออนไลน์หรือหน้าชมรมที่จะปรากฏผ่านออกมาเป็นหน้าเพจหรือเว็บไซต์ที่เอาไว้กระจายข่าวสาร หรือเป็นศูนย์รวมของคนทุกคนได้ แต่ขณะเดียวกัน ด้วยยุคสมัยที่เริ่มเปลี่ยนไป จากการเน้นการทำเว็บไซต์ด้วยโปรแกรม Dreamweaver ที่อาศัยการคลิ๊กวางและแก้ไขคำสั่งด้วยโค้ด HTML นั้นก็เปลี่ยนมาเป็นการใช้งานเว็บประเภท เว็บบล็อกมากขึ้น เพราะแก้ไขง่าย ดูเป็นระเบียบในสไตล์ Blog และยังอัพเดทได้ง่ายอีกด้วยนั่นเอง การทำเว็บไซต์สไตล์เว็บบล็อกเอง ตอนนี้ก็มีโปรแกรมที่ออกมาให้เหล่าเว็บโปรแกรมมิ่ง และเว็บดีไซน์เนอร์ได้ใช้กันอยู่หลายโปรแกรมด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมประเภท Open Source ที่เราสามารถนำไปประยุกต์ ดัดแปลงเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถทำตัวเว็บไซต์ออกมาได้ดีมากกว่าเดิมนั่นเอง และมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดที่กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่อย่างมาก นั่นก็คือ โปรแกรมพัฒนาเว็บไซต์สำเร็จรูป WordPress และโปรแกรมพัฒนาเว็บไซต์สำเร็จรูป CMS joomla! นั่นเอง แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าทั้งสองตัวนี้เป็นโปรแกรมทำเว็บที่ดีมากเช่นกัน แล้วเราจะเลือกโปรแกรมไหนที่จะดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดในการนำมาพัฒนาเว็บ เราเลยต้องมาดูขีดความสามารถของแต่ละโปรแกรมกันก่อน
ขีดความสามารถในด้านการดัดแปลง Template ของ WordPress : จากการทดสอบการพัฒนาเว็บไซต์ด้วย WordPress นั้น WordPress เป็นโปรแกรมพัฒนาที่รองรับการพัฒนาด้วยภาษา CSS หรือ PHP ได้ทั้งสิ้นซึ่งช่วยอย่างมากในการปรับแต่งหน้าตาเว็บให้พลิกแพลงได้มากขึ้นจนไม่ซ้ำจำเจเหมือนไดอารี่ออนไลน์หรือเว็บบล็อก จึงมีโอกาสที่เราจะทำให้เว็บไซต์ของเรามีความแปลกใหม่ที่น่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วยนั่นเอง ปรับแต่งง่ายถ้าคุณมีพื้นฐานด้ากนารแก้ไขโค้ดสี คำสั่งโปรแกรมต่างๆได้
ขีดความสามารถในการอัพเดทเนื้อหางานที่ต้องทำตลอดเวลาและทำบ่อยๆ : ใครที่ทำเว็บไซต์แนวเว็บไซต์ข่าว เว็บไซต์วาไรตี้นั้น WordPress เป็นตัวเลือกที่ดีอย่างมากเลยทีเดียวในการพัฒนาตัวเว็บไซต์ให้มีขีดความสามารถสูงมากขึ้น การอัพเดทบทความจะสามารถทำได้ง่าย และมีระบบการ Post ที่เหมาะสม เข้าใจง่าย จัดเรียงประโยค ย่อหน้า และจัดเรียงภาพได้ง่ายมาก
มี Plugin เสริมที่เหมาะสมและใช้งานง่าย : Plugin ต่างๆนั้นถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ใช้งานร่วมกับ WordPress ได้อย่างง่ายดายมากเลยทีเดียว จึงทำให้เราเลือกใช้งานตัวเสริมต่างๆได้เหมาะสมกับตัวเว็บ
ขีดความสามารถในด้านการทำเว็บแนว E-Commerce ของ joomla! : หากว่า WordPress นั้นมีทีเด็ดตรงที่การพัฒนาเว็บจะมาเป็นแบบ เว็บบล็อก joomla! ก็จะมาในลักษณะของการทำเว็บไซต์แบบ E-Commerce หรือเว็บเชิงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จะเหมาะสมที่สุด การทำเว็บไซต์ประเภทขายของนั้นค่อนข้างเอื้อประโยชน์ต่อ joomla! อย่างมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นเว็บขายของประเภทต่างๆ จะกำหนดลักษณะหน้าตาออกมาได้เข้าใจง่าย จัดเรียงเป็นระเบียบ เป็นสัดส่วน เหมาะสมสำหรับการเป็นเว็บไซต์เชิงพาณิชย์
มี Plugin เสริมที่เหมาะสมสำหรับการขายที่มากกว่า WordPress : เนื่องจาก joomla! เหมาะสำหรับการทำเว็บไซต์ประเภท E-Commerce จะมีปลั๊กอินเสริมที่ลงตัวและเข้าพวกกับ joomla! อย่างมากหลายต่อหลายโปรแกรม อย่างเช่น VirtueMart เป็นโปรแกรมเสริมที่จะช่วยให้คุณสร้างฐานข้อมูลและอัพเดทคลังสินค้าของคุณ อัพเดทได้ทั้งรูป รายละเอียดสินค้า ราคา ค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง ภาษีรวม ตั้งค่าได้ง่ายและยังสามารถทำความเข้าใจได้อย่างง่ายดายอีกด้วย และเมื่อเราทำความเข้าใจได้แล้วนั้น เราจึงสรุปได้ว่า ทีเด็ดของทั้งสองโปรแกรมนี้ไม่เหมือนกัน แต่ก็สามารถทำเว็บได้ดีทั้งคู่ ถ้าหากว่าอยากได้เว็บไซต์เชิงวาไรตี้ เหมือนที่เราดูกันทุกๆวัน ลองพัฒนาด้วย WordPress ถ้าใครอยากทำเว็บไซต์เพื่อเอาไว้ขายของขายสินค้า เราขอแนะนำ joomla! นั่นเองครับ