ฝนตก ถนนลื่น ขับอย่างไรให้ปลอดภัย


 

 

ฝนตก ถนนลื่น ขับอย่างไรให้ปลอดภัย

ฝนตก ถนนลื่น ขับอย่างไรให้ปลอดภัย

ฝนตก ถนนลื่น ขับอย่างไรให้ปลอดภัย

ช่วงนี้มีฝนตกเกือบทุกวัน หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขัง ทำให้การเดินทางและสัญจรยากลำบาก โดยเฉพาะผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะด้วยสภาพถนนที่เปียกลื่น และทัศนวิสัยการมองเห็นไม่ดี อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ วันนี้เรามีคำแนะนำดี ๆจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทยในการขับรถให้ปลอดภัยในช่วงฤดูฝนมาฝาก

  1. เตรียมสภาพรถให้พร้อมก่อนเดินทาง ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบระบบสัญญาณไฟ อุปกรณ์ใบปัดน้ำฝน และผ้าเบรกให้สามารถใช้งานได้ดี เลือกใช้ยางรถยนต์ที่มีดอกยางละเอียด เติมลมยางให้มีแรงดันลมมากกว่าปกติ 2 – 3 ปอนด์/ตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็ง ซึ่งจะช่วยให้ยางมีกำลังในการรีดน้ำได้ดียิ่งขึ้น
  2. เปิดไฟหน้าและหลังรถ เนื่องจากสภาพอากาศมืดครึ้มในช่วงที่ฝนตกหนัก ทำให้ผู้ขับขี่มองทางไม่ชัดเจน การเปิดไฟหน้าและไฟหลังรถจะทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทางได้ดีขึ้น และช่วยให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นมองเห็นรถของเราได้ชัดเจนด้วย
  3. ลดความเร็ว จากการศึกษาพบว่า ช่วงที่ฝนตก 10 นาทีแรก เป็นช่วงที่รถมีโอกาสลื่นไถลมากที่สุด เพราะน้ำฝนจะชะล้างคราบดินและฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนพื้นถนนเป็นโคลน การลดความเร็วของรถจึงเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ระดับความเร็วที่ทำให้รถไม่ลื่นไถล คือ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  4. หลีกเลี่ยงการเหยียบเบรกแรง ๆ หรือการเบรกกระทันหัน การค่อย ๆ ทิ้งน้ำหนักเหยียบเบรก เพื่อชะลอความเร็ว เนื่องจากการเหยียบเบรกอย่างแรงจะทำให้รถลื่นไถลได้
  5. หลีกเลี่ยงการขับรถลุยแอ่งน้ำ หากพบเห็นแอ่งน้ำอยู่ข้างหน้า ควรชะลอความเร็ว ห้ามเหยียบคันเร่งหรือเบรกขณะขับรถผ่านแอ่งน้ำเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถสูญเสียการควบคุม
  6. ไม่ขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป สภาพถนนที่เปียกลื่น ผู้ขับขี่ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าการขับขี่ในช่วงปกติประมาณ 10 – 15 เมตร เพื่อให้สามารถหยุดรถได้ทัน
  7. ขณะขับรถแล้วรถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ห้ามเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนในทันที เพราะจะทำให้รถพลิกคว่ำ ให้แก้ไขด้วยการถอนคันเร่ง ควบคุมพวงมาลัยให้มั่นคง และพยายามลดความเร็วโดยใช้เกียร์ต่ำจนกว่ารถจะทรงตัวได้แล้วจึงเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ