ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มถึงจะอยู่รอด
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติ หรือ ยูโร 2016 กำลังฟาดแข้งกันอย่างเมามันส์อยู่ใน ณ ตอนนี้ ก้าวเข้าสู่รอบ 16 ทีมกันแล้ว โดยตัวแทนจากสหราชอาณาจักรที่ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายในครั้งนี้ ต่างตบเท้าเข้ารอบน็อกเอาท์ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ เวลส์ ไอร์แลนด์เหนือ ในทัวร์นาเมนท์แบบนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือแฟนฟุตบอลที่คอยสนับสนุนทีมชาติของตน ซึ่งบทความนี้เรามีผลสำรวจดีๆ ที่เป็นความรู้ถึงเรื่องพฤติกรรมของคนสหราชอาณาจักรในศึกยูโร 2016 ว่าเป็นอย่างไรกันบ้างครับ
ผลสำรวจผู้บริโภค 1,000 คน ในสหราชอาณาจักรของ Kantar Media’s SportScope พบว่าพบว่า ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยม มากที่สุด ตามมาด้วยเทนนิส ฟอร์มูล่า วัน รักบี้ และกรีฑา ตามลำดับ
เมื่อแบ่งตามช่วงอายุ พบว่าผู้ที่ชอบกีฬาฟุตบอล ร้อยละ 48 อยู่ในช่วงอายุ 35-54 ปี,ร้อยละ 32 อยู่ในช่วง 18-34 ปี และร้อยละ 20 มีอายุมากกว่า 55 ปี หากแบ่งตามภูมิภาคของประเทศของแฟนฟุตบอล พบว่าร้อยละ 35 อยู่ทางภาคใต้ ร้อยละ 34 อยู่ทางภาคเหนือ ร้อยละ 29 อยู่แถบมิดแลนด์ และร้อยละ 3 อยู่แถบไอร์แลนด์เหนือ และที่น่าสนใจแฟนฟุตบอลที่เป็นผู้หญิงมีจำนวนถึงร้อยละ 33 หรือกว่า 7.7 ล้านคน
ด้านช่องทางการรับชมความนิยม พบว่า ร้อยละ 93 เลือกรับชมผ่านโทรทัศน์ และที่น่าสนใจคือร้อยละ 62 เลือกรับชมผ่านออนไลน์ ร้อยละ 62 จะติดตามผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ร้อยละ 58 จะฟังผ่านวิทยุ ร้อยละ 51 จะเข้าชมการแข่งขันแบบสดที่สนาม และร้อยละ 43 ติดตามผ่านโทรศัพท์มือถือ
โดย Nathalie Zimmermann กรรมการผู้จัดการสื่อ Kantar Media ให้มุมมองไว้ว่า แบรนด์สินค้าที่จะทำการตลาด ไม่ควรมองกลุ่มเป้าหมายผู้ชมมุ่งไปที่โทรทัศน์เพียงอย่างเดียว เพราะยังมีอีก 5 ช่องทางที่แตกต่างกันออกไปในการรับชมฟุตบอลยูโร แม้ว่าโทรทัศน์คือช่องทางหลักก็จริง แต่ช่องงทางออนไลน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ และโทรศัพท์มือถือ เป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากในฟุตบอลยูโรครั้งนี้
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาของ RadiumOne ที่สำรวจพฤติกรรมกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,000 คน ที่มีความสนใจในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ยังพบว่าโทรทัศน์ยังคงเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อคนดู โดยร้อยละ 82 บอกว่ารับชมการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสของแบรนด์สินค้าที่จะสร้างปฏิสัมพันธ์กับแฟนฟุตบอลที่รับชมการแข่งขันผ่านสื่อดังกล่าว และยังมีผลสำรวจอื่นๆที่น่าสนใจ เช่น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 58 จะพูดคุยเรื่องฟุตบอลยูโร 2016 กับเพื่อนหรือครอบครัว ร้อยละ 56 จะติดตามข่าวสารของทัวร์นาเมนท์ และร้อยละ 50 จะติดตามข่าวสารเฉพาะทีมชาติที่เชียร์ ร้อยละ 22 จะรับฟังผ่านวิทยุ, ร้อยละ 21 จะบริโภคข่าวสารบนสื่อโซเชี่ยลมีเดีย,ร้อยละ 20 จะแชร์ข่าวสารฟุตบอลยูโร 2016 ให้กับเพื่อนหรือครอบครัวผ่านทางอีเมลและส่งข้อความหา และร้อยละ 19 จะแชร์เนื้อหาผ่านสื่อโซเชี่ยลมีเดีย
ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าการมีส่วนร่วมของคนสหราชอาณาจักรในยูโร 2016 สูงกว่าร้อยละ 45 ของผู้ตอบแบบสอบถามที่แสดงตนว่าเป็นแฟนฟุตบอลพันธุ์แท้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพศชายร้อยละ 59 และเพศหญิงร้อยละ 41
ด้าน Rupert Staines กรรมการผู้จัดการ RadiumOne เปิดเผยว่า ถึงแม้ตามธรรมชาติฟุตบอลจะมีอิทธิพลกับผู้ชายมากกว่า แต่ตนยืนยันว่าควรจะมุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงเพราะเป็นโอกาสที่สำคัญ ซึ่งเข้ามามีส่วนร่วมอย่างมากในระยะหลัง โดยแฟนบอลผู้หญิงชอบนิยมปาร์ตี้ ร้อยละ 21 (เปรียบเทียบกับผู้ชาย ร้อยละ 11)
ผลสำรวจอื่นๆ พบว่าแฟนฟุตบอลส่วนใหญ่จะรับชมฟุตบอลผ่านโทรทัศน์ พูดคุยเรื่องเกมการแข่งขันกับเพื่อนหรือครอบครัว และดูไฮไลท์การแข่งขันจากโทรทัศน์ ส่วนแฟนบอลพันธุ์แท้มีแนวโน้มจะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล ส่วนแฟนฟุตบอลผู้หญิงมีแนวโน้มการติดตามฟุตบอลมากขึ้นในยูโรครั้งนี้ ขณะที่ผู้คนทั่วไปจะโฟกัสไปที่เกมการแข่งขัน ส่วนแฟนบอลพันธุ์แท้จะมีส่วนร่วมกับการแข่งขันอย่างจริงจังผ่านการอ่าน,พูดคุย และแชร์เนื้อหา ซึ่งแบรนด์ควรพิจารณาใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันออกไปเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น
ฟุตบอลยูโร 2016 ย่อมทำให้ “แบรนด์” ผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆมองหาประโยชน์จากทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว ซึ่งการทำการตลาดไปยังผู้บริโภคนั้นควรใช้ช่องทางที่หลากหลาย เหมาะสมกับกลุ่มเป้าใหม่ที่อยากจะสื่อสาร อีกทั้งในระยะหลังแฟนฟุตบอลที่เป็นกลุ่มผู้หญิงเริ่มมีจำนวนมากขึ้น จึงเป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับการทำการตลาด
By : อนิรุทธิ์ จารึกธรรม
