กระทรวงคลังพร้อมขับเคลื่อน SME ดันเศรษฐกิจไทย


กระทรวงคลังพร้อมขับเคลื่อน SME ดันเศรษฐกิจไทย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยืนยันว่าขณะนี้พื้นฐานของเศรษฐกิจไทยถือว่าดีมาก สามารถรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ และรัฐบาลพร้อมที่จะการกระตุ้นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมายืนยันว่าตอนนี้พื้นฐานของเศรษฐกิจไทยถือว่าดีมาก สามารถรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้สบาย เห็นได้จากผลกระทบจากการที่สหราชอาณาจักรลงประชามติออกจากกลุ่มอียู กระทบกับเศรษฐกิจไทยระยะสั้น มีเพียงความผันผวนการซื้อขายหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยนไม่กี่วันเท่านั้น สำหรับการลงทุนภาคเอกชนมี 2 ส่วนที่สำคัญ คือ การลงทุนภาคเอกชนรายใหญ่

โดยที่ผ่านมาทั้งมาตรการภาษีผ่านการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หรือเป็นการส่งเสริมผ่านเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงมาตรการภาษีกระตุ้นการลงทุนเร่งด่วน ที่ล่าสุดมีการแก้ไขจากที่ต้องเป็นโครงการลงทุนและต้องเสร็จภายในปีนี้ เป็นให้เริ่มลงทุนภายในปีนี้แต่จะแล้วเสร็จปีไหนก็ได้ สามารถได้สิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่า มาตรการทั้งหมดถือเป็นโบนัสก้อนโตที่รัฐบาลให้กับนักลงทุนเอกชน ซึ่งถือว่ามากแบบไม่เคยมีมาก่อน

สำหรับการกระตุ้นการลงทุนในส่วนที่สอง คือ การกระตุ้นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รัฐบาลก็ประกาศชัดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นการลงทุนผู้ประกอบการต่อเนื่อง เพราะไม่มีแต้มต่อ สถาบันการเงินลังเลที่จะให้สินเชื่อ ทำให้การดำเนินการของเอสเอ็มอีชะงักทั้งที่มีศักยภาพและมีความมุ่งมั่นที่จะได้ลงทุน ล่าสุดรัฐบาลได้เห็นชอบมาตรการช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม โดยเพิ่มวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำคงที่ 4% เป็นเวลา 7 ปี อีก 3 หมื่นล้านบาท เพื่อให้เอสเอ็มอีกู้ไปปรับปรุงเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

ขณะเดียวกันธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ก็ขยายเวลาการขอกู้เงินดอกเบี้ยพิเศษ 4% เป็นระยะเวลา 3 ปี หากนับรวมที่ผ่านมา รัฐบาลได้อัดฉีดเม็ดเงินให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไปแล้วเป็นเม็ดเงินถึง 3.5 แสนล้านบาท ผ่านมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 1.5 แสนล้านบาท และผ่านการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมอีกกว่า 1 แสนล้านบาท

นายอภิศักดิ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลรู้ดีว่าเอสเอ็มอีเป็นฐานรากทางเศรษฐกิจที่สำคัญ มีผู้ประกอบการเกือบ 3 ล้านราย มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสัดส่วนสูงถึง 30% ของจีดีพี หรือ 1 ใน 3 ของมูลค่าจีดีพีปัจจุบันที่ 13 ล้านล้านบาท หากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่เดินหน้าลงทุนได้ เศรษฐกิจไทยก็ขยับได้เร็ว

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเว้นการเก็บภาษีกำไรสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าระบบบัญชีเดียวของกรมสรรพากร โดยเว้นภาษีรายได้ปี 2559 และเสียภาษี 50% ของกำไรปี 2560 รวมถึงเว้นภาษีให้ผู้ประกอบการใหม่ ล้วนเป็นการสร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เดินหน้าดำเนินกิจการได้อย่างมั่นคง