TMB ชี้ e-Payment ดัน GDP โตปีละ 0.1%


TMB ชี้ e-Payment ดัน GDP โตปีละ 0.1%

TMB เผย e-Payment ดึงผู้บริโภคและภาคธุรกิจใช้งานตามเทรนด์ ดิจิตอล คาดดัน GDP ขยายตัวปี 0.1% หวังรัฐและผู้ใช้บริการสร้างความเชื่อมั่นว่าธุรกิจกรรมได้อย่างปลอดภัย

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี ระบุว่า เทรนด์ใหม่ของผู้บริโภคในปัจจุบันได้ถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่ม Generation Y ซึ่งมีพฤติกรรมที่ชอบความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว และมีความเป็นตัวเองสูง ภาคธุรกิจจำเป็นที่จะต้องปรับตัวรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยตอบสนองความต้องการด้านผลิตภัณฑ์และบริการให้กับลูกค้า การนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ ทั้งในด้านการจัดการต้นทุนหรือการคาดการณ์พฤติกรรมของผู้บริโภค

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวตามผู้บริโภค โดยรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Payment ซึ่งการที่ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อและชำระเงินได้เร็วนำมาซึ่งวงจรธุรกิจที่หมุนเร็วขึ้น ทำให้ต้นทุนการ สต๊อกสินค้าลดลงและยังส่งผลไปยังราคาที่สามารถปรับลดลงได้

ส่วนในแง่ของผู้บริโภค e-Payment ตอบสนองความต้องการในด้านความสะดวก การซื้อสินค้าไม่จำเป็นต้องพกเงินสด สามารถใช้โทรศัพท์มือถือหรือเลขบัตรประจำตัวประชาชนในการโอนเงินเพื่อชำระสินค้าได้ สามารถตัดสินใจในการซื้อและชำระเงินได้รวดเร็ว

จากผลการศึกษาของ Moody’s Analytics ในเรื่อง e-Payment ต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ พบว่าหากประเทศไทยมีการใช้สัดส่วน e-Payment เพิ่มขึ้น 1% จะทำให้ GDP เพิ่มขึ้น 0.02% ซึ่งเมื่อรวมกับที่ศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดว่าสัดส่วนการใช้ e-Payment ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 50% ของการชำระเงินโดยรวมจะเพิ่มขึ้นปีละ 5% ดังนั้น การใช้   e-Payment จะผลักดันให้ GDP สูงขึ้นเป็นมูลค่า 13,000 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 0.1%

อย่างไรก็ตาม การที่จะให้ e-Payment เป็นที่ยอมรับในวงกว้างจำเป็นที่รัฐและผู้ให้บริการรับชำระเงินจะต้องสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและภาคธุรกิจว่า ระบบการชำระเงินแบบเสมือนจริงนี้มีความปลอดภัยในการใช้งานมากกว่าการใช้เงินสด ทั้งในแง่ระบบป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น ป้องกันการ Hack หรือ ปลอมแปลงตัวตนของผู้ทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งความเชื่อมั่นที่เพิ่มมากขึ้น จะนำมาซึ่งจำนวนธุรกรรมที่สูงขึ้น ท้ายที่สุดการใช้ e-Payment ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจะดันให้เศรษฐกิจขยายตัวตามไปในยุคดิจิตอลนี้