“กรุงไทย” เข้าดูแลเอสเอ็มอีที่มีความเสี่ยง


“กรุงไทย” เข้าดูแลเอสเอ็มอีที่มีความเสี่ยง

ธนาคารกรุงไทย ได้เข้าไปดูแลกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีโลก

นายอุดมศักดิ์ โรจน์วิบูลย์ชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้เข้าไปดูแลกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีโลก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการปรับตัว และการผ่อนชำระกับธนาคารจนกลายเป็นหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) โดยเฉพาะกลุ่มภาคการผลิตที่ใช้แรงงานหนัก เช่น ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่จะต้องเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีคนแทน รวมถึงธุรกิจส่งออกที่ขายของได้ยากขึ้นหลังได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก

ซึ่งเอสเอ็มอีกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เป็นอีกสาขาที่ธนาคารเข้าไปจับตาหลังจากยอดขายรถยนต์ลดลงมาในตลอด 2 ปีหลัง จนมีผลต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบและอะไหล่ แต่อย่างไรก็ดีในส่วนลูกค้าของธนาคารยังพบว่าไม่ได้รับผลกระทบการผ่อนชำระ ไม่มีการเลิกจ้างลดพนักงาน หรือปิดกิจการ บางส่วนยังมีคำสั่งรับจ้างผลิตล่วงหน้ายาวไปอีก 2 ปีด้วย แต่อย่างไรก็ดีธุรกิจกลุ่มนี้ต่อไปจะต้องปรับตัวรับมือเศรษฐกิจ 4.0 ที่จะต้องนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่ม จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ธนาคารเข้าไปให้คำแนะนำรับการปรับตัว ส่วนเอสเอ็มอีที่ประกอบธุรกิจส่งออกยอมรับว่าได้รับผล กระทบจากการค้าขายทั่วโลกที่ซบเซาจึงได้กิจกรรมเอ็กซ์ปอร์ต จีเนียส นำเอสเอ็มอีไปขยายการส่งออกในต่างประเทศ

ในปีนี้กรุงไทย ยังคาดว่ายอดปล่อยกู้เอสเอ็มอีเฉพาะภาคส่งออกจะโตได้ 5% สูงกว่าภาพรวมตลาดส่งออกที่อาจติดลบ โดยการปล่อยกู้เอสเอ็มอีที่มีทรัพย์สินต่ำกว่า 500 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกของกรุงไทย ยังเติบโตได้ประมาณ 10% โดยมีกลุ่มบริการโลจิสติกส์ รับเหมาก่อสร้างที่เติบโตดี

ส่วนครึ่งปีหลังจะดีขึ้นได้อีกโดยวางเป้าหมายทั้งปีขยายตัวไม่ต่ำกว่า 15% โดยในเดือน ก.ค. นี้ ธนาคารจะออกสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ 3.75-3.9% วงเงิน 5,000 ล้านบาท มาช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้นำไปใช้ขยายการลงทุน และเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจนอกเหนือจากโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 4% ที่ธนาคารกรุงไทย จะร่วมกับสมาคมธนาคารไทยในการปล่อยกู้ในวงเงินรวม 10,000 ล้านบาท สำหรับยอดหนี้เสียเอสเอ็มอีครึ่งปีแรกของธนาคารยังอยู่ในระดับที่ดูแลได้เฉลี่ยที่ 2.2-2.3% ซึ่งแนวโน้มการเกิดหนี้เสียปีนี้ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 58 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังสัญญาณเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น