ขายผลไม้ เหมาสวนจีนเสี่ยงถูกกดราคา


ขายผลไม้ เหมาสวนจีนเสี่ยงถูกกดราคา

ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้าขายผลไม้ไทย กับประเทศจีนแบบเหมาสวน เสี่ยงถูกกดราคาในอนาคต

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้ การค้าขายผลไม้ไทย จะมีการค้าขายจากชาวสวนนำผลผลิตขายให้ล้งรายเล็กชาวไทยหรือพ่อค้าคนกลาง จากนั้นจะรวบรวมแล้วส่งให้ล้งจีน และอีกวิธีหนึ่งก็คือชาวสวนขายให้ล้งจีนโดยตรง แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เหลือเพียงช่องทางชาวสวนขายล้งจีนโดยตรง โดยทำสัญญาแบบเหมาสวน จึงเกรงว่าจะถูกกดราคาในอนาคต

ทั้งนี้ ปัจจุบันจำนวนล้งจีนในไทยมีจำนวน 1,094 ราย แบ่งเป็นผู้ค้าลำไย 473 ราย ทุเรียน 556 ราย มังคุด 65 ราย โดยการซื้อขายเพื่อส่งออกจะทำสัญญาแบบเหมาสวนคัดเกรด เอ วางเงินมัดจำ 5.10% โดยล้งจีนจัดเก็บเอง และให้พ่อค้าคนกลางหรือตัวแทนคนไทยทำหน้าที่คัดเกรด ชุบนํ้ายา และบรรจุ ค่าดำเนินการ 3.5 บาทต่อกิโลกรัม ลักษณะนี้จึงพบปัญหาความล้มเหลวการบริหารการผลิตของไทย ที่ไม่มีการเพิ่มตลาดเพื่อลดความเสี่ยง จึงถูกกดดันราคาจากประเทศจีน

อีกปัญหาคือการทำตลาดของสินค้าเกษตรไทย หากอนาคตไม่คิดการแปรรูปจะเกิดความลำบากกับภาคเกษตรของไทย เพราะในหลายประเทศ ต่างมีสินค้าไม่แตกต่างจากไทย รวมถึงปัญหาคือไทยยังมีช่องโหว่ทางกฎหมาย ทำให้เกิดนอมินีทางธุรกิจและกลุ่มเกษตรกรไม่เข้มแข็งขาดองค์ความรู้ในตลาดต่างประเทศ ล้วนเป็นปัญหาที่ไทยต้องแก้ไข

ด้านนายวรพันธ์ ประเสริฐยิ่ง ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร 1 กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันล้งเข้ามารับซื้อผลไม้ถึงสวนแล้ว ทำให้ราคาผลไม้อยู่ในเกณฑ์ดี แต่อนาคตเกรงว่าล้ง จะเข้ามากดราคาสินค้าผลไม้ของไทย ทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาตรการแก้ปัญหาล้ง

โดยจัดระเบียบทางการค้าในกลุ่มธุรกิจคนต่างด้าว ที่มาประกอบธุรกิจในไทย ผ่านมาตรการจัดเก็บภาษี เพื่อป้องกันล้งจีนนำเงินออกต่างประเทศโดยตรง

ดังนั้นการกำกับดูแลการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ การส่งเสริมการส่งออก การนำเข้าสินค้าผลไม้บางชนิดจะต้องมีการควบคุม รวมถึงการส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มทำธุรกิจเจรจาการค้าจำหน่ายสินค้าผลไม้บนออนไลน์