คลังนับหนึ่งชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์
คลัง จี้แบงก์พาณิชย์เดินเครื่องลงทะเบียนกระเป๋าเงิน อิเล็กทรอนิกส์ อุ้มประชาชนที่ไม่มีบัญชีเงินฝากทำธุรกรรมทางการเงินได้ ขณะที่กรุงไทย-กองทุนวายุภักษ์ ตั้งกองทุนสตาร์ทอัพ 3 พันล้านบาท
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า การลงทะเบียนพร้อมเพย์ (Prompt Pay) โดยใช้เลขที่บัตรประจำตัว ประชาชนหรือหมายเลขโทรศัพท์ มือถือผูกติดกับบัญชีเงินฝากของ ธนาคาร ตั้งแต่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนิน การระบบชำระเงินทางอิเล็กทรอ นิกส์ (e-Payment) ทำให้การโอน การรับเงินง่ายและสะดวกมากขึ้น มีต้นทุนต่ำ โดยการโอนเงินที่ไม่เกิน 5 พันบาท ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
สำหรับเป้าหมายต่อไปของพร้อมเพย์ คือ การให้ผู้ที่ ไม่มีบัญชีเงินฝาก สามารถนำ เลขบัตรประชาชนมาลงทะ เบียนกับธนาคารพาณิชย์เป็น กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) ใช้โอนรับเงินได้เหมือนกับคนที่มีบัญชีทั่วไป จะทำให้คนที่อยู่ต่างจังหวัดคนมีรายได้น้อย เกษตรกรจำ นวนมากที่ไม่มีบัญชีเงินฝากสามารถที่จะเข้ามาใช้บริการพร้อมเพย์ได้
“กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ จะทำให้ทุกคนเข้าถึงบริ การทางการเงินได้ทุกคน ในการประชุมคณะกรรมการอีเพย์เมนต์ล่าสุด ผมได้สั่งการกำชับกับธนาคารพาณิชย์ไปแล้วว่า อย่าลืมเรื่องการลงทะ เบียนพร้อมเพย์ที่ผมอยากให้ทำให้เร็วที่สุด เพราะมันจะทำ ให้คนเกือบทั้งประเทศเข้าถึงบริการทางการเงิน” นายอภิศักดิ์ กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งมีความพร้อมในการลงทะเบียนพร้อมเพย์กับผู้ที่ไม่มีบัญชี แต่ที่ยังไม่ดำเนินการเพราะจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ขาดรายได้จากค่าธรรมเนียมไปจำนวนมาก ทั้งจากค่าธรรม เนียมการเปิดบัญชี ค่าธรรม เนียมรักษาบัญชีรายปี ค่าธรรม เนียมบัตรเอทีเอ็ม และค่าธรรม เนียมการโอนเงิน เพราะคนรายได้น้อยส่วนใหญ่โอนหรือรับเงินไม่เกิน 5 พันบาท
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งสามารถ ลงทะเบียนพร้อมเพย์แบบไม่มีบัญชี หรือการลงทะเบียนแบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้เลย ส่วนที่ธนาคารพาณิชย์ยังไม่ดำเนินการคาดว่ากลัวประชา ชนเกิดความสับสน เพราะแค่การลงทะเบียนพร้อมเพย์แบบผูกติดกับบัญชีที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้ก็ยังมีความเข้าใจคาดเคลื่อนอยู่มาก โดยเฉพาะความไม่มั่นใจในความปลอดภัย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมายืนยันแล้วว่าระบบพร้อมเพย์มีความปลอดภัย
กระทรวงการคลังได้เร่งให้ธนาคารกรุงไทยตั้งกองทุนสตาร์ทอัพวงเงิน 3 พันบาท ซึ่งเป็นกองทุนที่ธนาคารกรุงไทย จะใส่เงิน อยู่ที่ 1 พันล้านบาท และกองทุนวายุภักษ์อีก 2 พันล้านบาท เพื่อไปร่วมทุนกับผู้ ประกอบการใหม่ที่มีความริเริ่ม สร้างสรรค์ และคิดค้นนวัตกรรม และเทคโนโลยีไฮเทคใหม่ ซึ่งจะเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต
สำหรับกองทุนสตาร์ทอัพ ที่ธนาคารกรุงไทยและกองทุนวายุภักษ์เตรียมจะดำเนินการนั้น จะต่างจากกองทุนสตาร์ทอัพของธนาคารออมสิน และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประ เทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) โดยกองทุนสตาร์ทอัพของกรุงไทยนี้ จะเป็นการร่วมทุนกึ่งผู้ประกอบการใหม่ โดยเน้นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ทำการค้าการขายทั่วไปเป็นสำคัญ