ปตท. ขาดทุนต่อเนื่องจากภารกิจ เอ็นจีวี


ปตท. ขาดทุนต่อเนื่องจากภารกิจ เอ็นจีวี

ปตท. เผยผลประกอบการธุรกิจก๊าซธรรมชาติ สำหรับรถยนต์ หรือเอ็นจีวีซึ่งที่ผ่านมาขาดทุนไปแล้วกว่าหมื่นล้านบาท พร้อมแบกภาระอุ้มราคาเอ็นจีวีรถสาธารณะ

นายชวลิต พันธ์ทอง ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและบริหารความยั่งยืน บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ในปี 2559 นี้ ปตท.มีแนวโน้มขาดทุน จากธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) และจะต่อเนื่องไปถึงปี 2560 จากปี 2558 ที่ผ่านมาขาดทุนไปแล้วกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท

แม้ว่ารัฐบาลจะใช้นโยบายกึ่งลอยตัว ประกอบกับต้นทุนเนื้อก๊าซปรับลดลงตามราคาน้ำมันก็ตาม แต่ ปตท. ต้องรับภาระขาดสะสมจากการที่รัฐบาลสั่งถึงราคาก๊าซเอ็นจีวี สำหรับรถยนต์สาธารณะอยู่ที่ 10 บาทต่อกิโลกรัม รวมถึงควบคุมค่าขนส่งทั้งที่ราคาจริงอยู่ที่ 13.50 บาท ทำให้ราคาไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง รวมถึงยังควบคุมค่าขนส่ง ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ปตท.ขาดทุนจากธุรกิจเอ็นจีวี 2,100 ล้านบาท

ในส่วนนี้เป็นการขาดทุนจากการอุดหนุนรถสาธารณะ 1,200 ล้านบาท และขาดทุนค่าขนส่ง เป็นอันดับสอง ขณะที่ในปีที่แล้วการอุดหนุนอยู่ในระดับ 2.7 พันล้านบาท ซึ่งปตท. ก็คาดหวังว่าหากร่าง พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ จะทำให้ ปตท.ไม่ต้องมีภาระการอุดหนุนราคา เอ็นจีวีให้กับรถสาธารณะ เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯ จะเป็นผู้รับภาระในการอุดหนุนราคา

สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะมีการตั้งเป็นสำนักงานกองทุนน้ำมัน เชื้อเพลิง และมีคณะกรรมการ 1 ชุด ที่ทำหน้าที่บริหารเงินกองทุนน้ำมันฯ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ที่มีวัตถุประสงค์รักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันในประเทศ รวมถึงให้การสนับสนุนการลงทุนการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงหรือนำมาใช้กรณีวิกฤตน้ำมันเชื้อเพลิง/และเพื่อประโยชน์ความมั่นคงด้านพลังงาน ตลอดจนสนับสนุนการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันเชื้อเพลิงในกิจการของรัฐ

ปัจจุบันกองทุนน้ำมันมีเงินสุทธิ 4.44 หมื่นล้านบาท แยกเป็นบัญชีเงินของน้ำมัน 3.73 หมื่นล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี)7,128ล้านบาท โดยมีรายจ่ายชดเชยแอลพีจี 198 ล้านบาท ต่อเดือน