“FAMILY” แบรนด์ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก พร้อมฝ่าวิกฤตขาลงไปกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม


“ธุรกิจเป็นสิ่งที่อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องมีการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงให้ทันต่อยุคสมัย สิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างแบรนด์ก็คือ การสร้างความเชื่อให้กับแนวคิดของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดในการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน” คุณไพศาล เปรื่องวิริยะ CEO บริษัท แฟมิลี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด

“ทีวีเล็ก” ที่ได้รับความนิยมกันเมื่อ 20 – 30 ปีก่อน ผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านจะต้องร้องว่าอ๋อ เพราะเคยใช้หรือเคยพบเห็นในสมัยนั้น เจ้าทีวีเล็กตัวนี้สามารถพกพาได้สะดวก ติดตัวไปได้ทั่วทุกหนแห่ง แต่สิ่งนี้กลับถูกเมินจากสายตาของแบรนด์อินเตอร์ จึงเป็นจุดที่ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตแซงทางโค้งนอกกระแสอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนธุรกิจจะไปได้สวย แต่นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของธุรกิจแบรนด์ไทยแท้ที่มีชื่อว่า “แฟมิลี่”

บริษัท แฟมิลี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2530 แรกเริ่มเป็นเพียงบริษัทที่นำเข้าทีวีขนาดเล็กเข้ามาขายให้กับคนไทย แต่ข้อเสียที่ทำให้คุณไพศาลไม่กล้านำเข้าทันทีก็คือ ทีวีเล็กตัวนี้เป็นหน้าจอขาว-ดำ สมัยนั้นทีวีก็เริ่มเป็นจอสีแล้ว จึงทำให้ดูตกยุคไม่ทันสมัย แต่สุดท้ายคุณไพศาลก็กล้าตัดสินใจนำเข้ามาขายในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นความโชคดีที่เกิดขึ้นเพราะหลายครอบครัวก็ต่างหาของขวัญปีใหม่ไปฝากผู้หลักผู้ใหญ่ ทีวีเล็กจึงเป็นของฝากที่หลายครอบครัวสนใจเพราะเล็กและดูน่ารัก ทีวีเล็กขายดีจนต้องนำเข้าเพิ่มแต่ก็หมดในเวลาอันรวดเร็ว จนกระทั่งทีวีเล็กได้มาออกบูธ ณ ศูนย์การค้ามาบุญครอง และนี่ก็เป็นจุดเปลี่ยนตลอดกาลของธุรกิจนี้

ในขณะที่ทีวีเล็กกำลังวางขายตามปกติก็ได้เสียงจากลูกค้าที่เดินเลือกสินค้า “แบรนด์อะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้จัก เชื่อถือได้หรือไม่ก็ไม่รู้” จึงทำให้คุณไพศาลเริ่มคิดว่าควรจะมีแบรนด์ไทยที่คนไทยรู้จักเป็นจำนวนมาก หากทำเพียงแค่ออกบูธแสดงสินค้าคงไม่พอ จนกระทั่งใช้สื่อโฆษณาในการประชาสัมพันธ์

คุณไพศาลบอกว่า คนไทยต้องการขายของให้ได้ปริมาณในราคาถูก โดยไม่กล้าสร้างแบรนด์ แต่แฟมิลี่ไม่ได้คิดเช่นนั้น คุณไพศาลต้องการให้คนไทยมีแบรนด์ขึ้นมา เพื่อนำมาแข่งขันกับต่างชาติได้

ก่อนที่หลาย ๆ ท่านจะรู้จักแฟมิลี่จากเครื่องเล่น CD,DVD ธุรกิจนี้ได้เริ่มผลิตสินค้าของตัวเองครั้งแรกเป็นวีดิโอเกม 8Bit ที่โด่งดังและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสมัยนั้น หลังจากนั้นจึงต่อยอดไปที่เครื่องฉายเลเซอร์ดิสค์ และคิดว่าแฟมิลี่ควรมีเครื่องเล่น CD,DVD จนกระทั่งแฟมิลี่ได้ผลิตเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย แต่เครื่องเล่น CD ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักมากในประเทศไทย จึงทำให้แฟมิลี่ขาดทุนเป็นอย่างมาก จึงหยุดชั่วคราวและทำต่อในภายหลัง โดยนำจุดอ่อนของคู่แข่งมาพัฒนา เช่น การทำให้เครื่องเล่น CD ทนทาน ใช้ได้หลายปี หลังจากนั้นกำไรก็สูงขึ้นอีกครั้ง

เมื่อมาถึงยุคฟองสบู่แตกเมื่อปี พ.ศ.2540-2541 แฟมิลี่ต้องประสบปัญหาจนคุณไพศาลต้องให้ผู้บริหารโรงงาน ให้หยุดการทำ OEM และมาตั้งสติ เมื่อสภาพจิตใจและสติกลับมาก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และกำไรก็ค่อย ๆ กลับมาสูงขึ้นจนมีเงินเหลือเก็บ โดยสินค้าของเราไม่ได้มีราคาที่ถูกลงเหมือนคู่แข่ง แต่ต้นทุนเหล่านั้นจะถูกนำไปพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้น สิ่งนี้จึงทำให้เราไม่เหมือนคู่แข่ง

ในยุคนั้นผู้ประกอบการหลายรายต่างประสบปัญหา แต่มีมือหนึ่งที่ยื่นเข้ามาดึงแฟมิลีขึ้นจากอุปสรรคเหล่านั้น นั่นก็คือ “กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม” จากภาครัฐ โดยให้งบช่วยเหลือและสอนในเรื่องของการลดต้นทุน ลดการสูญเสียพร้อมเพิ่มคุณภาพสินค้า ทางแฟมิลีได้เข้าร่วม “โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขัน” ในปี พ.ศ.2549 รุ่นที่ 8 โดยมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้คำปรึกษาและสอนในเรื่องการทำธุรกิจอีกมากมาย

ก่อนหน้าเข้าร่วมโครงการกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มีบริษัทจากจากประเทศออสเตรเลียเสนอความช่วยเหลือ โดยจะช่วยให้แฟมิลี่สามารถลดต้นทุนได้ 40 ล้านบาท แต่แฟมิลี่ไม่ได้เข้าร่วมเนื่องจากต้องแบ่งเงินส่วนนี้ 50% ให้เขาในฐานะผู้ดำเนินการ ในขณะที่โครงการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมใช้เงินเพียง 5 แสนบาท แต่สามารถลดต้นทุนได้ถึง 20 ล้านบาท

คุณไพศาลยังฝากถึงผู้ประกอบการทุกท่านอีกว่า “ยังไงก็แล้วแต่การทำธุรกิจมันอยู่นิ่งไม่ได้ ต้องมีการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ให้ทันต่อสถานการณ์ ที่สำคัญที่สุดต้องมีแนวคิดที่จะสร้างแบรนด์ของตัวเองให้ผู้บริโภคมีความเชื่อถือต่อแบรนด์ของเรา สิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญของการเติบโตในยุคนี้และตลอดไป”

ติดตามชมเรื่องราวที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการแรงบันดาลใจ หรือวิธีคิดที่จะช่วยส่งเสริมการประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จแบบติดลมบน ที่ รายการ “SMEs Speed up ธุรกิจติดลมบน”  ลิงก์รายการ https://goo.gl/21hEk2
และลิงค์ตอน บริษัท แฟมิลี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด https://goo.gl/JEA5uO