ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มถึงจะอยู่รอด
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
คว้าโอกาสทอง ลุยทำเลใหม่ ธุรกิจ “เบสท์-แพค” เผยชีวิตพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส พร้อมเพิ่มรายได้จากโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม
เมื่อทำเลใหม่เกิดขึ้น สิ่งนี้จะเป็นช่องทางที่เหล่าผู้ประกอบการไม่ควรล่าช้า เพราะอาจเป็นขุมทรัพย์ที่ใครดีใครได้ ใครเริ่มต้นก่อนโอกาสสำเร็จย่อมมีมากกว่า และหากย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2536 ทำเลใหม่ได้ผุดขึ้น
เมื่อจังหวัด “หนองบัวลำภู” ได้กลายเป็นจังหวัดใหม่ของประเทศไทย ผู้ประกอบการรายหนึ่งจึงเห็นว่าจังหวัดที่เกิดขึ้นใหม่นี้ อาจมีลู่ทางในการดำเนินธุรกิจ และนี่จึงเป็นการเริ่มต้นของ “บริษัท เบสท์- แพค คอนกรีต จำกัด”
บริษัทที่กล่าวมาข้างต้นก่อตั้งโดย คุณ วิทวัส วทานิโยบล ซึ่งเป็นผู้ที่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยแต่เดิมนั้น คุณวิทวัสทำธุรกิจครอบครัวที่เกี่ยวกับการรับ ซื้อ – ขาย พืชไร่ หลังจากนั้นจึงหันมาธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ จนกระทั่งปี พ.ศ.2530 ได้มีเรื่อง ‘แชร์แม่ชม้อย’ เกิดขึ้น ทำให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่รับงานของคุณวิทวัส เล่นแชร์จนหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีเงินทุนมาทำงานต่อ จึงได้ใช้หนี้ส่วนนี้ด้วยเครื่องมือก่อสร้างต่าง ๆ มากมาย คุณวิทวัสมองว่าหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะกลายเป็นเศษเหล็ก จึงนำสิ่งเหล่านั้นมาประกอบอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อหารายได้จากสิ่งที่ได้มา
คุณวิทวัสรับเหมาก่อสร้างควบคู่กับการขายวัสดุก่อสร้าง โดยการรับเหมาก่อสร้างนี้เป็นไปได้สวย เพราะปี พ.ศ.2533 รัฐบาลมีนโยบายเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามการค้า ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจึงราบรื่น จนกระทั่งปี พ.ศ.2535 ปูนซีเมนต์ได้ขาดตลาด ราคาสูงขึ้น คุณวิทวัสจึงปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างไป เหลือเพียงแต่บริษัทค้าขายวัสดุก่อสร้างเพียงอย่างเดียว
จนมาถึงปี พ.ศ.2536 รัฐบาลประกาศให้จังหวัดหนองบัวลำภูเป็นจังหวัดที่ 75 ของประเทศไทย คุณวิทวัสมองว่าจังหวัดใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ จะต้องมีความเจริญเข้ามา ถนน ไฟฟ้าและสะพาน จะต้องถูกขยับขยายแน่นอน และการเป็นเจ้าแรกในทำเลนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดี บริษัท เบสท์ – แพค คอนกรีต จึงถือกำเนิดขึ้นมา และได้จำหน่ายคอนกรีตเสริมเหล็กและคอนกรีตอัดแรง
“ผมไม่มีความรู้ในการทำธุรกิจนี้ แต่ผมอยากทำ แผนการของผมคือจ้างคนที่รู้และชำนาญมาทำเลยและผมเองก็เรียนรู้ไปกับเขาด้วย … กว่าจะได้เริ่มผลิตออกขายก็ปี 2539”
ไม่มีปัญหาในเรื่องของเนื้องาน ธุรกิจเริ่มต้นได้ไม่นาน ก็มีปัญหาเกิดขึ้นในปลายปี พ.ศ.2539 ถึงต้นปี พ.ศ.2540 พบกับวิกฤตทางการเงิน ตอนนั้นคุณวิทวัสได้เริ่มใช้เงินสินเชื่อจากธนาคาร และได้ถูกตัดวงเงิน จึงทำให้เงินทุนไม่พอ แต่ก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยการเจรจาต่อรองกับลูกค้าและทางธนาคาร
ธุรกิจดูเหมือนจะราบลื่น แต่ความจริงแล้วธุรกิจนี้มีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง เช่น ปูนและลวดแรงอัด ที่มีราคาแพง ทำให้ได้กำไรกลับคืนมากไม่มากนัก คุณวิทวัสจึงคิดว่าหากเราลดต้นทุนได้ ก็อาจจะมีกำไรเพิ่มมากขึ้น ปัญหานี้ถูกคลี่คลายจากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค ได้เข้ามาแนะนำให้เข้าร่วมอบรมกับโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม เรื่องแนวคิดการบริหารจัดการต่าง ๆ ภายในบริษัท และโดยเฉพาะเรื่องการบริหารต้นทุน
คุณวิทวัสได้เล่าให้ฟังว่า จากการอบรมในครั้งนั้นทำให้เราได้พบว่า วัตถุดิบหลักที่เราผลิตคือ ปูนและลวดอัดแรง ซึ่งเราไม่สามารถลดต้นทุนได้เลย แต่สามารถนำเศษที่เหลือจากการผลิตมากเพิ่มมูลค่าได้ จึงนำสิ่งเหล่านั้นมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น แผ่นสมอบก ที่ใช้กับงานไฟฟ้า คอสปั่นของไฟฟ้า และทำเป็นหู ยกเสาเข็ม ทั้งหมดกลายเป็นสินค้าใหม่ สามารถเพิ่มยอดขายได้โดยที่ต้นทุนเท่าเดิม
ในเรื่องของการบริหารระบบบัญชี แต่เดิมเป็นแบบทั่ว ๆ ไป ที่เน้นเฉพาะในออฟฟิศ แต่บริษัทต้องการระบบบัญชีที่ช่วยในด้าน Production ต้นทุน สต็อก การวางแผนการผลิตสินค้า ก็ได้รับคำแนะนำจากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค ในการใช้โปรแกรมที่เหมาะสมและใช้มาจนทุกวัน
จุดเด่น 3 ประการของ บริษัท เบสท์- แพค คอนกรีต
ประการแรก อยู่ที่เรื่องมาตรฐานของ สินค้าในทุกผลิตภัณฑ์ พร้อมนำระบบการจัดการคุณภาพและควบคุมกระบวนการผลิต (ISO 9001 version 2008) ซึ่งได้รับการรับรองจาก คณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยการรับรองระบบงาน( NAC) และ องค์กร UKASจาก ประเทศอังกฤษมารับรอง
ประการที่สอง คุณภาพของสินค้าที่มีห้องแล็ปในการทดสอบวัตถุดิบทุกอย่าง ก่อนที่จะส่งเข้าสู่กระบวนการผลิต และทดสอบชิ้นงานก่อนที่จะส่งถึงมือลูกค้า ซึ่งคุณภาพของสินค้าทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำเสมอและกลายเป็นลูกค้าประจำในที่สุด
ประการที่สาม มีการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงอย่างต่อเนื่อง และผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองคุณภาพ ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)
คุณวิทวัสได้เปิดเผยกลยุทธ์ทางการตลาดให้ฟังว่า “เราจะต้องศึกษาและติดตามความเคลื่อนไหวในพื้นที่ต่าง ๆ ตลอดเวลา เพื่อให้ทราบถึงความต้องการของลูกค้า และการขยับขยายสาขา เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่กลุ่มเป้าหมาย ปัจจุบันครอบคลุมไปแล้ว 3 พื้นที่ โดยมี หนองบัวลำพูซึ่งคุมตลาดในภาคอีสานตอนบน และจังหวัดบุรีรัมย์ คุมตลาดในภาคอีสานตอนล่าง โรงงานล่าสุดของเราที่นครสวรรค์เรามองเห็นการขยายตัวทางการตลาดภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบน ซึ่งนครสวรรค์เป็นทำเลที่เหมาะสม จึงมาเปิดที่นี่และอาจขยายสาขาเพิ่มอีก ในอนาคตที่ตลาดที่เปิดกว้างมากขึ้น ซึ่งในการขยายตลาดนั้นผมมีเทคนิคส่วนตัวว่าจะทำในช่วง เศรษฐกิจไม่ดี เพราะจะมีคู่แข่งน้อย”
แนวคิดที่คุณวิทวัสได้ใช้อยู่ตลอดเวลาในการทำธุรกิจ และทำให้ธุรกิจยืนหยัดได้ถึงทุกวันนี้ก็คือ “การยึดถือเรื่องของความซื่อสัตย์ ไม่เอาเปรียบลูกค้าและยอมเสียเปรียบคนอื่นเพื่อให้ได้บทเรียนในบางอย่าง เพื่อนำมาใช้ในธุรกิจของตน รวมถึงสร้างความสุขให้กับลูกค้าด้วยการให้บริการที่ดี”
“ทำธุรกิจต้องมีความมุ่งมั่น ต้องรักษาเครดิตที่ตัวเองมีให้มาก ๆ ไม่ว่าเรากับลูกค้า หรือกับทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวเรา ทุกคนที่เชื่อมั่นในตัวเรา ไม่มีธุรกิจอะไรที่ทำแล้วรวยทุกอย่าง แต่ก็ไม่มีธุรกิจใดที่ทำแล้วจะแย่เพียงอย่างเดียว ถ้าจะทำเราต้องรู้จริง” คุณวิทวัสฝากถึงผู้ประกอบการทุกราย
ติดตามชมในรูปแบบคลิปได้ที่ รายการ SMEs Speed up “ธุรกิจติดลมบน” ตอน บริษัท เบสท์- แพค คอนกรีต จำกัด
ได้ที่ลิงก์ https://www.youtube.com/watch?v=ON_mM1LW_y8
หรือ ชมรายการย้อนหลังที่ https://goo.gl/21hEk2
