รัฐบาลตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานผลักดันศก.


รัฐบาลตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานผลักดันศก.

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงการจัดตั้ง 4 กองทุนหมุนเวียนที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม กองทุนเพื่อโครงการอาหารนักเรียน และกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยถึง การจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนเพื่อกิจการต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยและการบริหารราชการแผ่นดิน จำนวน 4 กองทุน เริ่มด้วย

กองทุนเรื่องของการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนในการลงทุนโครงการพื้นฐาน ลดภาระกลางคันของภาครัฐ และเป็นการสนับสนุนให้มีการพัฒนาโครงสร้างดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในอนาคต

อย่างไรก็ตามการดำเนินการต้องมีการดูแลเรื่องผลตอบแทนให้กับนักลงทุนให้มีความมั่นคงตามความเหมาะสม โดยจะมีการรับประกันผลตอบแทนประมาณ 2 – 3 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้กองทุนที่สนใจ เช่น กองทุน กบข. กองทุนประกันสังคม ฯลฯ สามารถที่จะลงทุนในกองทุนดังกล่าวได้ วันนี้ที่ประชุม ครม. จึงมีมติให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทยขึ้น

ต่อมาเป็น กองทุนเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเป็นกลไกในการสนับสนุนให้เกิดการประกอบธุรกิจเทคโนโลยีนวัตกรรมในประเทศไทยและเป็นตัวเร่งให้เกิดการเพิ่มปริมาณการนำผลวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อย่างแท้จริง

ส่วนอีก กองทุนเป็นกองทุนเพื่อโครงการอาหารนักเรียนในโรงเรียน ซึ่งโครงการนี้ได้มีการดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้วตั้งแต่ปี 2535 โดยได้มีการดำเนินการในเรื่องอาหารกลางวัน ซึ่งการดำเนินการตรงนี้จะมีย้ายจากกระทรวงการคลังมาที่กระทรวงศึกษาธิการเพื่อให้การดำเนินการมีความสะดวกคล่องตัว และมีความเป็นเอกภาพมากขึ้น

กองทุนสุดท้ายเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการเตรียมการเพื่อจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติขึ้นมา ทั้งนี้เนื่องจากประชากรของประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุประมาณ 20 ล้านคนในอนาคต และมีหลายคนไม่ได้มีการเก็บออมที่พอเพียงซึ่งเมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุก็มีความเสี่ยงที่กลายเป็นผู้ยากจน

ดังนั้นเพื่อเพิ่มรายได้หลังเกษียณให้กับแรงงานในระบบจึงจะมีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับสำหรับแรงงานในระบบที่มีอายุตั้งแต่ 15 – 60 ปี ซึ่งจะเป็นการออมเพิ่มเติมจากช่องทางที่มีอยู่ปัจจุบัน  โดยจะครอบคลุมในหลายส่วนทั้งแรงงานที่เป็นลูกจ้างเอกชน ลูกจ้างชั่วคราวส่วนราชการ พนักงานของรัฐ พนักงานรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมดประมาณ 11.4 ล้านคน ตรงนี้จะอยู่ในร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ ซึ่งในอีก 1 เดือนข้างหน้าจะเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป