นายกฯ แนะเชื่อมโยงพื้นที่ ไทย–ลาวต่อยอดศก.ภูมิภาค


นายกฯ แนะเชื่อมโยงพื้นที่ ไทย–ลาวต่อยอดศก.ภูมิภาค

นายกรัฐมนตรี แสดงความพร้อมที่จะเข้าร่วมการจัดประชุม ACD ครั้งที่ 2 รวมถึงสนับสนุน 8 ประเด็นที่ลาวให้ความสำคัญอย่างเต็มที่

สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 6 – 8 กันยายน 2559 ที่รัฐบาลลาว ในฐานะประธานอาเซียนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในปีนี้นั้น  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความพร้อมที่จะเข้าร่วมและสนับสนุนฝ่ายลาวอย่างเต็มที่ เพื่อให้การประชุมดังกล่าวเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะในประเด็นที่ลาวให้ความสำคัญ 8 ประเด็น ที่จะช่วยผลักดันแนวคิด “Turning Vision into Reality for a Dynamic ASEAN”  โดยที่ฝ่ายลาวเองได้ยืนยันการเข้าร่วมและสนับสนุนการจัดประชุม ACD ครั้งที่ 2 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนตุลาคมนี้ เช่นกัน

ขณะที่ การติดตามผลการเยือนไทยของของนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีแห่ง สปป.ลาว ในด้านต่างๆ ดังนี้

ด้านความเชื่อมโยงในภูมิภาคและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยไทย สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อเชื่อมโยงไทย – ลาวและเชื่อมต่อไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาค โดยนายกรัฐมนตรีเสนอให้พิจารณาการสร้างความเชื่อมโยง อาทิ เส้นทาง R12 และสะพานเชื่อมโยงระหว่างกัน เพื่ออำนวยความสะดวกการไปมาหาสู่ โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน และช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและการดำรงชีพอย่างยั่งยืนของประชาชนในพื้นที่

ด้านการค้าการลงทุน นายกรัฐมนตรีได้ขอให้รัฐบาลลาวช่วยดูแลนักลงทุนไทยที่เข้าไปลงทุนยัง สปป.ลาว โดยเฉพาะการให้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบและอำนวยความสะดวก ซึ่งทางฝ่ายลาวเองพร้อมสนับสนุนไทยเพื่อให้เป็นนักลงทุนอันดับ 1 ในลาว เช่นกัน

ด้านความร่วมมือด้านพลังงาน สองฝ่ายยินดีที่มีการเพิ่มพูนความเชื่อมโยงด้านพลังงานไฟฟ้าไทย – ลาว โดยไทยจะขยายการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าภายใต้กรอบ MOU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนาไฟฟ้าในลาว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “แบตเตอรี่แห่งเอเชีย” ที่สำคัญของลาว จึงขอให้หน่วยงานของทั้งสองฝ่ายเจรจาและหารือให้มีความคืบหน้าและเสร็จสิ้นโดยเร็ว

สำหรับความร่วมมือด้านแรงงาน นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแรงงานลาว ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างเป็นระบบ โดยขอให้ฝ่ายลาวพิจารณา การจดทะเบียนพิสูจน์สัญชาติมาจากทางฝั่งลาว เพื่อช่วยลดขั้นตอนการดำเนินการในไทย และเพื่อให้แรงงานลาวที่เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ซึ่งทางฝ่ายลาว เห็นว่ามีประโยชน์ต่อแรงงานลาวและจะนำไปเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป