หอการค้าภาคใต้เชื่อ ไฮซีซั่น นทท.ไม่ลด


หอการค้าภาคใต้เชื่อ ไฮซีซั่น นทท.ไม่ลด

คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย เผยภาพรวมเศรษฐกิจในพื้นที่ช่วงปลายปีไม่ได้รุนแรงอย่างที่ปรากฏเป็นข่าว มั่นใจช่วงไฮซีซั่น จะยังคึกคักเหมือนกันทุกปี

นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย กล่าวถึง สถานการณ์ในพื้นที่จากกรณีเกิดเหตุระเบิดว่า สถานการณ์จริงไม่ได้รุนแรงอย่างที่ปรากฏเป็นข่าวทั่วไปและรายงานตามสื่อสังคมออนไลน์ แต่ยอมรับว่าสร้างผลกระทบทันที

โดยในส่วนผู้คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่อยู่แล้วต่างงดทำกิจกรรมต่างๆ ขณะที่นักท่องเที่ยวที่มีแผนจะเดินทางไปในพื้นที่ก็ระงับการเดินทางไว้ ซึ่งคนกลุ่มนี้มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยแล้ว

ส่วนชาวต่างชาติที่ยังไม่เดินทางมาไทย แต่อาจมีแผนจะเดินทางเข้ามา คาดว่ากำลังอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ ซึ่งภาครัฐได้ดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องทั้งประเด็นความไม่รุนแรงของสถานการณ์จริง การควบคุมและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงซ้ำ รวมถึงการติดตามดำเนินคดี ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของภาคเอกชนโดยหอการค้าพื้นที่ภาคใต้ ได้มีการประชุมและระดมความเห็นมีข้อสรุปเบื้องต้นให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ร่วมกันสอดส่องดูแลบุคคลหรือวัตถุต้องสงสัย หากพบให้แจ้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐเพื่อช่องกันเฝ้าระวังเหตุอีกทาง

ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจในพื้นที่ช่วงปลายปี มั่นใจว่าไฮซีซั่น คือในเดือน ธ.ค.-ม.ค.จะยังคึกคักเหมือนกันทุกปี ซึ่งล่าสุด มียอดจองห้องพักแล้ว 50 % ของศักยภาพการรองรับนักท่องเที่ยว เชื่อว่าอีก 4 เดือนจากนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเต็มศักยภาพ

ขณะที่ นายสัมพันธ์ พงษ์พรรณากูล ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 (เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร) กล่าวว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างกำหนดวันเพื่อประชุมหอการค้าในพื้นที่จังหวัด ซึ่งจะมีประเด็นการประเมินผลกระทบจากเหตุระเบิดดังกล่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เบื้องต้นภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักของพื้นที่ได้รับผลกระทบทันทีโดยเฉพาะอ.หัวหิน

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนไทย จึงสามารถสื่อสารเพื่อให้รับทราบความคืบหน้าของสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นเร็วโดยในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุบรรยากาศในพื้นที่เงียบเหงาทันที ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปในพื้นที่ แต่เชื่อว่าเมื่อข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์เช่นการจับกุมคนร้าย หรือสาเหตุการก่อเหตุปรากฏชัดเจนจะทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวกลับมาได้ทันทีเช่นกัน ดังนั้นการที่ภาครัฐเร่งคลี่คลายสถานการณ์และส่งต่อข้อมูลออกมาจึงเป็นแนวทางที่ถูกต้อง