รัฐพร้อมดูแลเงินบาท ไม่ให้แข็งค่าเกินไป


รัฐพร้อมดูแลเงินบาท ไม่ให้แข็งค่าเกินไป

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “นโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนสู่ประเทศไทย 4.0” ว่ามองเห็นโอกาสการลงทุนในไทยที่เพิ่มสูงขึ้น และเห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อม เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาค และเชื่อว่าภูมิภาคเอเชียจะยิ่งมีความสำคัญหลังจาก เกิดสถานการณ์ Brexit เนื่องจากเชื่อว่าความเจริญ ต่างๆ จะพุ่งเข้ามาสู่ภูมิภาคเอเชีย เห็นได้จากดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ขณะนี้ประเทศ ไทยยังมีความผันผวนทางการเมืองก็ตาม

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นของญี่ปุ่นเองก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน จนทำ ให้ทั้งไทยและญี่ปุ่นต่างมีเม็ดเงินไหลเข้าประเทศ จนทำให้ทั้งค่าเงินบาทและค่าเงินเยนแข็งค่า ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการที่ช่วยดูแลเพื่อไม่ให้เงินบาทแข็งค่ามากจนเกินไป ซึ่งหลังจากที่ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ก็ยิ่งได้เห็นความชัดเจนมากขึ้นจากการที่ได้รับ การสนับสนุนจากภาคเอกชนที่ ต่างมองว่าหลังจากนี้เศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้น

โดยในช่วงเวลาที่เหลือของรัฐบาลอีกประมาณ 1 ปีนี้จากนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าใน การสร้างพื้นฐานให้กับอุตสาหกรรมใหม่ๆ วางพื้นฐานในเรื่อง Start up และส่งเสริมให้ไทยเป็น Digital Hub ให้ได้

“จากวันนี้ไปข้างหน้า ถ้าไม่เหยียบเท้ากันเอง การลงทุนที่จะมาในประเทศไทยจะพุ่ง ทะยาน ภูมิภาคนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งใน ยุคหลัง Brexit ความเจริญจะเข้ามาสู่เอเชีย และมา สู่ area เหล่านี้ ”

ทั้งนี้ถือเป็นโชคดีของไทยที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปรับตัวดีขึ้น ในสภาวะที่เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ดี และในสภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ดีนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย และ หากต้องการจะให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไปมากกว่านี้ เหมือนเช่นในอดีตที่เคยโตได้ 5-7% สิ่งสำคัญ คือจะต้องมีการสร้างความยั่งยืนด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง เศรษฐกิจของประเทศ

โดยเน้นการ เพิ่มมูลค่าสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งการส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ การแก้ไขกฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน การสร้างธรรมาภิบาล และจำเป็นต้องสร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่ มี Start up ใหม่ ๆ ที่เน้นลงทุนในด้านดิจิตอล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยได้ อย่างมีประสิทธิภาพ