ภาคธุรกิจเชื่อมั่น ศก.มากขึ้น คาดปีหน้าสดใส


ภาคธุรกิจเชื่อมั่น ศก.มากขึ้น คาดปีหน้าสดใส

ม.หอการค้าไทย เผยผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจไตรมาส 3 และ 4 สูงถึง 100 จากภาคบริการ การค้า อุตสาหกรรม และภาคเกษตร

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินสถานะทางธุรกิจไทยโอกาส และความเสี่ยง ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ อยู่ในระดับที่สูงกว่า 100 ซึ่งถือว่าดีขึ้นกว่าไตรมาส 1 และไตรมาส 2 โดยทั้งปีนี้ดัชนีอยู่ที่ระดับ 98.3

ขณะที่ในปี 60 ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจอยู่ที่ระดับ 119.5 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจในปีหน้า จะดีกว่าปีนี้ โดยมีสัญญาณที่ส่งมาจากภาคบริการ ภาคการค้า ภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งภาคเกษตรที่มองว่าสถานการณ์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเริ่มดีขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า หากไม่มีเหตุการณ์อะไรเข้ามาเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม และคาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมในปีหน้าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปัจจุบัน

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการมองว่าปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจในปีนี้สูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1. ปัจจัยด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี 2. ปัจจัยด้านทรัพยากรบุคคล และ 3. ปัจจัยด้านการทำธุรกิจ ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจในปีหน้า สูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1. ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ 2. ปัจจัยด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี และ 3. ปัจจัยด้านทรัพยากรบุคคล

ส่วนปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น การแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิต รายได้ และทัศนคติให้ดียิ่งขึ้น การส่งเสริมและพัฒนาแรงงานในประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การส่งเสริมและพัฒนาด้านการเกษตร การกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มากขึ้น การส่งเสริมการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การส่งเสริมและพัฒนาการส่งออกสินค้าไปยังนานาชาติ และการจัดการ-บริหารในด้านต้นทุนให้ต่ำลง และคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการมีข้อเสนอแนะไปยังภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดูแลเงินบาท ไม่ให้แข็งค่าเร็วเกินไป และควรดูแลค่าเงินบาทให้ปรับไปในทิศทาง และอัตราใกล้เคียงกับสกุลเงินของประเทศคู่แข่ง รวมทั้งต้องสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงิน ขณะเดียวกัน มองว่าภาครัฐควรสนับสนุนการลงทุนไปต่างประเทศให้มากขึ้น และสนับสนุนการลดต้นทุนสำหรับการส่งออกด้วย