ดร. บัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการสถาบันกรรมการ บริษัท ไทย (IOD) และ เลขาธิการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต เปิดเผยว่า สถาบันIOD เป็นองค์กรที่จัดขึ้นมาไม่แสวงหาผลกำไร และจัดตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ไขผู้ประกอบการหลังยุควิกฤติต้มยำกุ้ง โดยในแต่ละปีจะมีหลักสูตรเกือบ 20 หลักสูตร และเปิดการเรียนการสอนตลอดทั้งปี เพื่อให้ตัวของผู้ประกอบการโดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์และผู้บริหารในรัฐวิสาหกิจได้เสริมสร้างธรรมาภิบาลในองค์กรตนเอง อาทิ โครงการ DCP ที่มีกรรมการบริษัทมาเรียนมากกว่า 6,000 คน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำโครงการต่างๆที่สำคัญในการเพิ่มบทบาทของ IOD ที่ทำหน้าที่เชิงวิชาการ 2-3 ประเด็น เช่น การประเมินบริษัทที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการออกแนวปฏิบัติที่ดีกับบริษัทเหล่านี้ และจะมีการจัดการประชุมใหญ่ของกรรมการประจำปี รวมถึงโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต(CAC) และหลักสูตรธุรกิจครอบครัว ในการสร้างหลักการปฏิบัติที่ดีของคนในครอบครัวเพื่อไม่ให้เกิดการแตกแยก ซึ่งมีความท้าทาย 2 เรื่อง คือ 1.หลักการกำกับกิจการที่ดี และ2.หลักการกำกับดูแลบุคคลในครอบครัว ปัญหาที่พบในธุรกิจครอบครัวส่วนมาก คือ 1.แยกไม่ออกเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และ2.แยกไม่ออกเรื่องบทบาทหน้าที่ของทุกคนในครอบครัว
สำหรับโครงการCAC จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นแพลตฟอร์มให้ผู้ประกอบการ ส่งผลให้เกิดเป็นธุรกิจสีขาว โดยความร่วมมือจาก 8 องค์กร อาทิ สภาหอการค้าไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสถาบันIOD เป็นต้น ซึ่งจัดทำโครงการมา 6 ปี เดือน พ.ย. 2010 มีเพียง 20 บริษัท ที่เข้าร่วม แต่ยอด ณ ปัจจุบัน มี 708 บริษัท โดยมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เข้าร่วม 354 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าทางตลาดหลักทรัพย์ถึง 80 % นั่นแสดงถึงพลังแห่งการทำธุรกิจสีขาวได้เป็นอย่างดี และเป็นโครงการที่เปิดกว้างให้ทุกประเภทธุรกิจเข้าร่วมได้
โดยขั้นตอน มี 2 ขั้นตอน 1.ประกาศเจตนารมณ์ 3-4 ข้อ ที่ต้องเซ็นให้ความร่วมมือ 2.ตัวบริษัทต้องมีนโยบายของบริษัทที่ต้องเขียนออกมาใหม่และต้องลงมือปฏิบัติ อาทิ ไม่รับไม่จ่าย วางระบบควบคุมภายใน ตรวจสอบเสมอ ให้ความรู้แก่พนักงาน เป็นต้น โดยโครงการจะกำหนด 71 ข้อ ที่เป็นกฎเกณฑ์ โดยโครงการจะให้เงื่อนเวลาทั้งสิ้น 18 เดือน และจะมีการสอบทานจากบุคคลภายนอก หลังจากผ่าน 71 ข้อสามารถยื่นรับรองจากคณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการจะมีการอนุมัติทุกๆไตรมาส
ประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการ CAC คือเพิ่มคุณภาพให้บริษัทในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (International Business) และสร้างความเชื่อมั่นให้บริษัทตนเอง เนื่องจากปัจจุบันทุกๆประเทศให้ความสำคัญในเรื่องของการคอรัปชั่น(เป็นต้นทุนที่เจ้าของธุรกิจไม่ควรจ่าย) และพนักงานในองค์กรจะรู้สึกถึงความภูมิใจของบริษัท รวมถึงธนาคารเมื่อเห็นนโยบายของบริษัทก็จะสามารถได้รับเงินกู้ง่ายกว่าบริษัทที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการ
ปัจจุบัน อยู่ในการร่างข้อกำหนดที่เพื่อ SME ที่มีข้อกำหนดน้อยกว่า 71 ข้อ และปลายปีนี้จะเห็นภาพที่ชัดเจน รวมถึงการใช้งานสามารถใช้งานได้ในต้นปี 60 นอกจากนี้ ยังสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการผ่านระบบออนไลน์ได้อีกด้วย