ปัจจุบันคนเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์หลายแบรนด์ หลากยี่ห้อ ได้ตอบสนองการทำธุรกิจเพื่อให้ตอบโจทย์ด้านสุขภาพของผู้บริโภคเป็นจำนวน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ รองเท้า ดร.คอง (Dr.Kong) รองเท้าสุขภาพสัญชาติฮ่องกงที่เข้ามาบุกตลาดในเมืองไทยได้ 7 ปีและมีให้คัดสรรกันถึง 8 สาขาก็คงตอบโจทย์ได้ว่า แบรนด์รองเท้าสุขภาพได้สร้างความประทับใจให้กับคนไทยได้ดี แต่การเดินทางของแบรนด์นี้กว่าจะเดินทางมาถึงปัจจุบันได้ คุณจะรู้ไหมว่า เพื่อนร่วมทางที่ยืนหยัดตั้งแต่ก้าวแรกก็คือ ธนาคารธนชาต
และคนที่จะสามารถให้คำตอบนี้ได้ดีที่สุดก็คือ คุณเกรียงไกร จองเจตจรุงพร ผู้ประกอบการสัญชาติไทยและเป็นผู้เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับคนไทยได้ใส่ใจเรื่องสุขภาพเท้ากันมากขึ้นกับแบรนด์ ดร.คอง (Dr.Kong)
จุดเริ่มต้นของธุรกิจรองเท้ากับโครงสร้างเท้า
ก่อนมาทำ Dr.Kongผมทำธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บริษัทหนึ่ง กระทั่งปี พ.ศ.2552 ขณะนั้นประเทศไทยให้ความสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจด้านสุขภาพ ดีท็อกซ์ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพอื่นซึ่งช่วงนั้นได้มีโอกาสได้ไปฮ่องกงกับครอบครัว ได้ไปเห็นคนเข้าแถวกันมากมายเพื่อไปยืนวัดเท้ากับเครื่องวัดเท้า ซึ่งตอนนั้นนับเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ประเทศไทยยังไม่มีจึงลองไปทดสอบ และค่อนข้างประทับใจ จึงซื้อรองเท้าให้ลูกใส่ ซึ่งพบว่าคุณภาพดีและใส่สบาย รวมถึงกับความเป็นจริงที่ว่า คนไทยนั้นเวลาเลือกซื้อรองเท้ามักจะเลือกซื้อจากแบบที่ชอบ เหมาะกับเราหรือเปล่าไม่รู้ แต่พอใส่ไปแล้วอาจจะรู้สึกใส่ไม่สบายเท้าจึงมองเห็นว่าตรงนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นการปฏิรูปในด้านอุตสาหกรรมรองเท้า จึงเป็นที่มาของธุรกิจรองเท้า Dr.Kong
พอเข้ามาทำธุรกิจรองเท้าก็พบว่า เราต้องการปรับเปลี่ยนความคิดของผู้บริโภคจากการที่เลือกรองเท้าจากแบบเพียงอย่างเดียว ก็ให้มาตรวจสุขภาพเท้าก่อน เพื่อดูว่าโครงสร้างเท้าเป็นแบบไหน และรองเท้าแบบไหนที่เหมาะกับรูปเท้าคุณ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นรองเท้าของ Dr.Kongก็ได้ แต่มันจะทำให้ผู้บริโภครู้ว่า พื้นฐานโครงสร้างเท้าของตัวเองเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น เท้าแบน อุ้งเท้าสูง ทำให้มีพื้นฐานตรงนี้ติดไป และทำให้การเลือกซื้อรองเท้าครั้งต่อไปจะทำให้ผู้บริโภครู้ว่าควรจะซื้อรองเท้าแบบใด เช่น คนที่มีหน้าเท้ากว้าง ก็ไม่ควรใส่หน้าเท้าแคบ
ธนชาตเข้ามามีบทบาทกับธุรกิจ Dr.Kong อย่างไร
เริ่มต้นจากการที่เราเป็นลูกค้าสินเชื่อบ้านกับธนชาตก่อน เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว และพบว่าเราได้รับการดูแลอย่างดี ซึ่งในช่วงปี 2554 ที่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม ก็จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาให้ความช่วยเหลือรีไฟแนนซ์บ้าน โดยแจ้งเรื่องลดหย่อนจากภาวะน้ำท่วม ขณะที่เราเองก็เป็นลูกค้าของธนาคารอื่นเช่นกัน แต่กลับไม่มีธนาคารใดสนใจเราแบบนั้นเลย จึงพบว่า ธนชาตใส่ใจเราดีมาก
ส่วน Dr.Kongเมื่อ 7 ปีที่แล้ว มาจากที่มองเรื่องธุรกิจว่า เทรนด์หรือช่วงเวลานั้นเหมาะกับธุรกิจแล้ว หรือจะถูกใจคนไทยหรือไม่ จึงลงทุนเล็กๆก่อน โดยเปิดสาขาที่แฟชั่นไอส์แลนด์เป็นที่แรก ซึ่งในช่วง 2 ปีแรกก็ค่อนข้างเหนื่อย จนกระทั่งเข้าปีที่ 3 ก็พบว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง จึงเริ่มขยับขยายสินเชื่อออกไป
โลเคชั่นกับการสนับสนุนการขยายสาขา
ด้านการเลือกสาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์เป็นที่แรก เรามองถึงย่านที่พักอาศัย มากกว่าย่านธุรกิจ เพราะว่าโมเดลนี้เป็นโมเดลที่ทางฮ่องกงแนะนำเรามา เนื่องจากเขาเปิดมา 20-30 ปีแล้ว ซึ่งในโซนนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่คนมีรายได้ค่อนข้างดี ซึ่งปัจจุบันก็มีทั้งสิ้น 8 สาขา ประกอบด้วย แฟชั่น ไอส์แลนด์, เดอะมอลล์ บางกะปิ, เซ็นทรัล พระราม 2, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, สีลม คอมเพล็กซ์, เซ็นทรัล พระราม 9, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และเซ็นทรัลเวสต์เกต
การขยายสาขาก็เข้าไปคุยกับธนชาต เพราะลำพังเราก็คงไม่ไหวขนาดนั้น ซึ่งจริงๆแล้วก็มีธนาคารอื่นติดต่อเข้ามา แต่เราก็มองว่าธนชาตดูแลเราได้ดีมาก ส่วนแนวโน้มการขยายสาขาเพิ่มเติมก็มองในพื้นที่ใหม่ๆ ซึ่งจริงๆ เรามีแผนที่จะขยาย 1-2 สาขาในทุกปี แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้ตอนนี้เราจึงมองไปที่การลงทุน warehouse ก่อน ซึ่งจริงๆ เราก็มีพื้นที่ที่เราเลือกว่าจะขยายสาขาเป็นสาขาต่อไปคือ เมกา บางนา ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงสิ้นปีนี้ หรือช่วงต้นปีหน้า
และนี่ก็คือรอยเท้าที่ผ่านร่องรอยการเดินทางของรองเท้า ดร.คอง (Dr.Kong) กับเพื่อนร่วมทางที่มีชื่อว่า ธนาคารธนชาต
ธนาคารธนชาต พร้อมอยู่เคียงข้างความสำเร็จ ด้วยสินเชื่อ SME UPSIZE ขยายใหญ่ได้ ตามใจคุณ