อ.วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
ใครที่เคยดูกีฬาชกมวย โดยเฉพาะมวยไทย คงจะเคยเห็นนักมวยบางคนโดนกรรมการยุติการชกและไล่ลงจากเวที ด้วยโทษฐาน “ ชกไม่สมศักดิ์ศรี ”
ที่ว่า “ ไม่สมศักดิ์ศรี ” ก็คือ ชกแบบเหมือนไม่เต็มใจชก ชกเหมือนไม่อยากชก ชกแบบเหยาะแหยะ ชกให้มันพอจบๆ ไป ตลอดการชกแต่ละยก ก็เอาแต่เต้นหย็องแหย็งๆ ประคองตัวไม่ให้โดนหมัด โดนเข่า ดูแล้วเป็นที่น่ารำคาญ น่าเบื่อหน่าย น่าอึดอัดหาวเรอเป็นยิ่งนัก ผ่านไปยกสองยก กรรมการเห็นว่าขืนปล่อยไปแบบนี้ คงจะไม่เป็นมงคลชีวิต และน่าจะเป็นการเสียเวลาทำมาหากินของทุกฝ่าย จึงยุติการชก ไล่ลงจากเวทีให้กลับบ้านไปอาบน้ำ-
กินนมนอนเสียดีกว่า นักมวยที่โดนกรรมการไล่ลงจากเวทีเพราะเหตุชกไม่สมศักดิ์ศรีนี้ มักถูกคนดูโห่ เขวี้ยงแก้ว (กระดาษ) เขวี้ยงขวด (พลาสติก) ไล่หลังแถมพกให้เป็นของขวัญติดไม้ติดมือกลับไปบ้านด้วย
การชกมวยนั้นย่อมมีผู้ชนะและผู้แพ้ แต่ผู้แพ้ที่ชกอย่างเต็มที่ ชกสุดฝีมือ ชกแบบไม่มีคำว่าถอดใจ แม้จนนาทีสุดท้ายของยกสุดท้ายนั้น กลับได้รับเสียงปรบมือ เสียงชื่นชมยินดีจากผู้ชมรอบสนาม แม้จะชกแพ้แต่ก็ชนะใจคนดู เรียกว่าชกได้สมศักดิ์ศรี ไม่มีใครประนาม มีแต่คนยกย่อง
อาชีพนักขายก็เฉกเช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จในวิชาชีพการขายนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะขายไม่เก่งแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะ “ ขายไม่สมศักดิ์ศรี ” มากกว่า
“ ขายไม่สมศักดิ์ศรี ” ก็คือ ไม่ได้ตั้งอกตั้งใจในการทำงานขาย ทนทำงานขายทั้งๆ ที่ไม่ชอบ และไม่เคยคิดจะสร้างหรือพัฒนาความชอบขึ้นมาให้ได้ อันที่จริงคนพวกนี้นี่ก็ไม่เคยรู้หรอกว่าตัวเองชอบอะไร เพราะไม่ว่าจะไปหยิบฉวยจับทำอะไรก็ไม่เคยพยายามจะทำให้สำเร็จ ครั้นพอล้มเหลวก็มักอ้างว่าเป็นเพราะไม่ชอบ! แต่ก็ทนดักดานอยู่เป็นเสนียดในวงการขาย เป็นที่น่าเอือมระอาของทุกฝ่าย นักขายพวกนี้ผมจัดให้เป็น “ มลพิษ ” อย่างหนึ่งของวงการขาย
ดร.นโปเลียน ฮิลล์ ปรมาจารย์ด้านศาสตร์แห่งความสำเร็จ เคยระบุถึงความล้มเหลว 6 ประการ ของนักขายที่ขายไม่สมศักดิ์ศรีไว้ ดังนี้
- ล้มเหลวที่จะใช้หลักแรงบันดาลใจสำหรับการซื้อ
- ขาดความพากเพียรพยายามในการขาย
- ล้มเหลวที่จะวิเคราะห์ผู้มุ่งหวัง
- ล้มเหลวที่จะสร้างความเป็นกันเองกับผู้มุ่งหวัง
- ขาดจินตนาการ
- ไม่มีความกระตือรือร้น
พวกขายไม่สมศักดิ์ศรี ขายโดยไม่เคยคำนึงถึงปัญหาและความต้องการของลูกค้า พวกเขาขายโดยคำนึงถึงความต้องการและผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก
พวกขายไม่สมศักดิ์ศรี ขายไปตามยถากรรม จะซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็อย่าซื้อ แค่ปัญหาฝนตกแดดออก-
นกกระจอกเข้ารัง ก็เอามาอ้างได้แล้วว่าทำไมขายไม่ได้ ไม่ได้คิดจะออกแรงอีกซักนิดนึงในการที่จะพากเพียรพยายามเพื่อขายให้ได้
พวกขายไม่สมศักดิ์ศรี หาวันกินวัน ไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เอาดาบหน้าไปวันๆ ไม่มีการเตรียมการ ไม่มี-การวางแผน ไม่เคยหาข้อมูลของลูกค้า ไม่เคยวิเคราะห์ใดๆ ในตัวลูกค้า ขายได้หรือไม่ได้ แล้วแต่ฟ้าดิน!
พวกขายไม่สมศักดิ์ศรี มักขายอย่างก้าวร้าว แข็งกระด้าง เอาแต่ได้ พูดและกระทำกับลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังอย่างที่มนุษย์ไม่ควรทำกับมนุษย์ ไม่สามารถสร้างความเป็นกันเองอันจะนำไปสู่ความเชื่อใจและไว้ใจได้เลย ไม่ว่าเวลาไหน..ก่อนขาย ขณะขายและหลังขาย !
พวกขายไม่สมศักดิ์ศรี ไม่เคยมีความฝัน โดยเฉพาะฝันใหญ่ ฝันที่จะประสบความสำเร็จ ไม่เคยกล้าคิด กล้าแตกต่าง กล้าริเริ่มสร้างสรรค์ มักพอใจทำตัวให้เหมือนกับนักขายผู้ล้มเหลวส่วนใหญ่ มากกว่าจะกล้าแตกต่าง และผลักดันตนเองให้ขึ้นไปอยู่ในกลุ่มบนสุด 5 %
พวกขายไม่สมศักดิ์ศรี ขายด้วยความทรมาน ขายเหมือนถูกบังคับ ขายเหมือนกำลังถูกลงโทษ ขายไปเรื่อยๆ เฉื่อยๆ แม้ไม่เหนื่อยก็จะนอนลูกเดียว เป็นเหมือนที่พระอาจารย์พยอม กัลยาโณ ท่านว่าไว้ว่า พอเห็นงานเห็นการละมืออ่อนตีนอ่อน พอเห็นไพ่เห็นเหล้าละมือไม้เป็นระวิงกระดี๊กระด๊าถลาเข้าใส่
อันที่จริง น่าจะทำแบบการชกมวยบ้างนะครับ คือ น่าจะมีการไล่นักขายที่ขายไม่สมศักดิ์ศรีลงจากเวทีการขายไปซะบ้าง เผื่อวงการขายมันจะได้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น
สรุปแล้วนักขายมันก็ไม่ต่างอะไรกับนักมวยหรอกครับ ขยันชกเข้าไว้ ขยันหมั่นฝึกซ้อม รักษาระเบียบวินัย ฝันใหญ่ที่จะเป็นแชมเปี้ยนให้ได้ แล้วทุกครั้งที่ขึ้นชกหรือออกขาย ก็ชกหรือขายให้มันสมศักดิ์ศรีหน่อย
โปรดจำไว้ว่า “ แชมเปี้ยนนั้นไม่ได้ชนะทุกเวที แต่ต้องขยันชกเพื่อให้ชนะมากพอที่จะเป็นแชมเปี้ยน ”
นักขายก็เหมือนกัน ต้องขยันขาย และเมื่อจะขายทั้งทีก็ขายให้มันสมศักดิ์ศรีหน่อย !!