ส่องตลาดเทศกาลกินเจ 2559


เทศกาลกินเจ อีกหนึ่งเทศกาลที่ได้รับความนิยม ความสนใจจากผู้คนในประเทศไทยเรื่อยมา โดยปีนี้เทศกาลกินเจจะเริ่มต้นระหว่างวันที่ 1-9 ตุลาคม 2559 ซึ่งใครหลายคนตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอ เพราะเป็นช่วงเวลาของสายบุญ ที่จะงดเว้นการกินเนื้อสัตว์ไปสักระยะหนึ่ง

ในด้านเศรษฐกิจ เทศกาลกินเจถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการทั้งหลายที่จะสร้างรายได้ให้กับตัวเองในช่วงเทศกาลดังกล่าว ซึ่งแนวโน้มการกินเจในปี 2559 นี้จากข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ คาดการณ์ว่าจะมีเงินสะพัดถึง 4.39 หมื่นล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อน 4.2 % ซึ่งถือได้ว่าเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่ขยายตัว 2.1% และปี 2558 ที่ขยายตัว 2.9% ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มีการคาดการณ์ไปในทิศทางบวก มาจากกระแสเทรนด์รักสุขภาพในปัจจุบัน ที่คนทั่วไปหันมากินอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่เคยกินเจ ก็หันมากินเจ เพราะเชื่อว่ากินแล้วดี สามารถสร้างบุญให้กับตนเองได้ ตลอดจนการอยากลิ้มลองรสชาติอาหารเจ เนื่องจากอยู่ในช่วงกระแสพอดี

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายอาหารเจ อาจต้องปวดหัวกับราคาค่าวัตถุดิบต่างๆที่นำมาประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็นราคาผักตามท้องตลาดที่มีราคาสูงขึ้น เนื่องจากตอนนี้พื้นที่เพาะปลูกตามต่างจังหวัดได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้ อย่างเช่น ผักคะน้า จากเดิมกิโลกรัมละ 12 บาท ราคาขึ้นเป็น15-20 บาท,ผักบุ้ง จากเดิมกิโลกรัมละ 15 บาท ราคาขึ้นเป็น 25-36 บาท, กวางตุ้งจากเดิมกิโลกรัมละ 12 บาท ราคาขึ้นเป็น 15-20 บาท กะหล่ำปลีจากเดิมกิโลกรัมละ 8 ปรับขึ้นเป็น 20-30 บาท

ผลกระทบที่ตามมาคือพ่อค้า แม่ค้าหลายรายจำเป็นต้องปรับราคาอาหารเจเพิ่มขึ้นจากเดิมตามวัตถุดิบในท้องตลาด ซึ่งจะส่งต่อผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเลือกระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายเวลาจะซื้ออาหารเจ หรือผู้บริโภคบางรายเลือกที่จะไม่กินเลย เพราะมองว่าอาหารเจมีราคาแพงจนเกินไป และหาซื้อลำบาก

ทั้งนี้ เทศกาลกินเจ 2559 ค่าใช่จ่ายโดยรวมเฉลี่ยต่อคนจะอยู่ที่ 9,700 บาท ซึ่งกลุ่มอาหารที่มีการซื้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาหารกระป๋อง อาหารเจสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป อาหารเจแช่แข็ง แช่เย็น รวมถึงผักและผลไม้ ตรงนี้อาจจะมองได้ว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่จะตกไปอยู่กับร้านสะดวกซื้อเป็นหลัก