ระดมสมอง SMEs ไทยผลักดันสู่เทรนด์โลก


SMEs ไทยร่วมระดมสมอง มองกลยุทธ์ผลักดันผู้ประกอบการไทยไปสู่เทรนด์สากล จากการประชุมระดมสมอง “SME strategy for Economic and Social Tranformation”

การประชุมระดมสมอง “SME strategy for Economic and Social Tranformation” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา โรงแรมดุสิตธานี ซึ่งการจัดงานครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 โดยมีนายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยกล่าวเปิดประชุม และได้รับเกียรติจาก มร.ไมเคิล วินเซอร์ ผู้อำนวยการมูลนิธิคอนราด อเดนาวด์ สำนักงานประเทศไทย ร่วมกล่าวต้อนรับ

นายนพพร กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า จากการเปลี่ยนผ่านจากยุค New Normal ใน 3 ครั้งแรกที่เคยร่วมให้ความรู้มา มาถึงจุดเชื่อมต่อปัจจุบันที่กระแสของโลกได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนา SME เป็นหลักในแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่ หรือประเทศเล็ก ทำให้การพัฒนาประเทศในปัจจุบันได้มุ่งเน้นไปทางด้านพัฒนา SME เป็นหลัก เพราะการส่งเสริม SME จะเป้นการผลักดันเศรษฐกิจ รวมถึงภาคสังคม และก่อให้เกิดเป็นเทรนด์ในปัจจุบัน โดยมีหัวข้อ ดังนี้

  • หลักการสำคัญในการพัฒนา SMEs
  • การสร้างสังคมผู้ประกอบการ SMEs ไทยควรจะมีคุณลักษณะใด
  • ความพร้อมของไทยด้านโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนของ SMEs
  • บทบาทของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในการพัฒนา SMEs

เรื่องนี้ มร.ไมเคิล วินเซอร์ กล่าวว่า ในประเทศเยอรมันหรือประเทศใหญ่ๆ ด้านเศษฐกิจนั้น ภาคเอกชนจะมีส่วนสำคัญมากกว่าภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยสร้างขอบเขตความรับผิดชอบที่มีมากกว่าและผลักดันธุรกิจก้าวไปข้างหน้า โดยให้กลุ่มผู้ประกอบการเป็นเจ้าภาพหลัก และก่อให้เกิดการค้าเสรี โดยมีภาครัฐเข้ามาสนับสนุนผุ้ประกอบการอย่างเต็มที่ รวมถึงธุรกิจครอบครัว (Family Business) เพื่อต่อยอดธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นด้วย โดยปัจจุบันเยอรมันมีตัวเลข SMEs ในระดับ 50% ของ GDP ในประเทศ

ด้านนางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ความเห็นว่า ปัจจุบัน SMEs ไทยก็ได้เรียนรู้โมเดลจากเยอรมัน รวมถึงประเทศอื่นๆ ในการผลักดันธุรกิจ SMEs ซึ่งปัจจุบันภาครัฐจะเข้ามามีบทบาทมากกว่า ต่างจากประเทศใหญ่ที่ภาคเอกชนจะมีบทบาทเหนือกว่า ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าสู่กรอบของกฎหมายได้ง่ายๆ ส่วน SMEs ไทยยังอยู่นอกกรอบมาก

ทั้งนี้ การหารือดังกล่าว หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ให้ความเห็นสอดคล้องในการพัฒนา SMEs ไทยด้วยการจัดหมวดหมู่ เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีการแบ่งกลุ่มที่ชัดเจนของ SMEs ว่าอยู่กลุ่มใด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจตั้งต้น กลุ่มที่อยู่การเจริญเติบโต หรือกลุ่มที่จะถูกผลักดันการส่งออกไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งควรจะแบ่งให้ชัดเจน เพราะการผลักดันในโมเดลธุรกิจมีความแตกต่างกัน

ขณะเดียวกัน ด้านมาตรฐานการรองรับก็ควรขยายพื้นที่ไปสู่ต่างจังหวัด กระจายทั่วประเทสให้มากขึ้น เนื่องจากการพัฒนาถูกกระจุกรวมอยู่แค่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงการสร้างเทรนเนอร์ในแต่ละวิชาชีพให้เกิดความแข็งแกร่ง เพื่อก่อให้เกิด SMEs ที่มีคุณภาพและผลักดันให้เกิดมูลค่าเพิ่มขึ้นด้วย

 

Smart Ads