สำนักข่าวทอมสัน รอยเตอร์เตรียมลอยแพพนักงานทั่วโลก 2,000 รายใน 39 ประเทศ 150 สำนักงานยอมรับค่าโฆษณาลด-คนหันไปอ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน บริษัทที่บริการข้อมูลด้านการเงินและสำนักข่าวในนามทอมสันรอยเตอร์(Thomson Reuters)ประกาศเตรียมลอยแพพนักงานประมาณ 2,000 ตำแหน่งทั่วโลกเพื่อปรับองค์กรครั้งใหญ่
การลอยแพครั้งนี้คิดเป็น 4 % ของจำนวนพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 48,000 คน โดยที่ผ่านมาบริษัทก็เคยลอยแพพนักงานไปแล้วหลายพันคน พนักงานที่จะได้รับผลกระทบอยู่ใน 39 ประเทศรวม 150 สำนักงาน เป็นพนักงานที่ทำงานในสาขา Financial & Risk business , the Enterprise, Technology & Operations Group เป็นต้น
บริษัทให้เหตุผลว่าสถานการณ์ขณะนี้เกิดภาวะวิกฤติเหมือนกับอุตสาหกรรมทั่วไปกล่าวคือค่าโฆษณาลดลง จำนวนคนอ่านก็ลดโดยหันไปอ่านข่าวจากอินเตอร์เน็ตมากขึ้น
สำหรับทอมสันรอยเตอร์งานหลักอันดับสองคือการบริการแหล่งข่าวทางธุรกิจ อาทิเช่นข้อมูลหุ้นและเศรษฐกิจแก่บรรดาลูกค้าต่างๆเช่นธนาคาร สถาบันการเงิน แต่ปัจจุบันการบริการดังกล่าวไม่เข้มแข็งเหมือนที่ผ่านมา
การปรับองค์กรครั้งนี้จะทำให้บริษัทสูญเงินระหว่าง 200-250 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนไตรมาสที่ 3 บริษัทมีกำไรลดลงจาก 293 ล้านดอลลาร์เหลือ 286 ล้านดอลลาร์ แต่ยอดขายยังคงเหมือนเดิมคือประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์
ตามประวัติเมื่อปี 2008 ทั้งสองบริษัทรวมตัวกันระหว่าง Thomson (บริษัทให้ข้อมูลด้านการเงินจากแคนาดา) กับสำนักข่าว (Reuters) แห่งอังกฤษจึงกลายมาเป็นทอมสันรอยเตอร์ โดยมีคู่แข่งสำคัญทางด้านข้อมูลธุรกิจคือบลูมเบิร์กและดาว โจนส์
ประวัติทอมสันรอยเตอร์
ชื่อเต็ม Thomson Reuters Corporation เป็นบริษัทนานาชาติด้านข่าวและข้อมูลทางการเงินมีสำนักงานใหญ่อยู่ 3 Times Square ในแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นที่เมืองโตรอนโต้ จังหวัดออทาริโอ้ ประเทศแคนาดา สำนักงานจดทะเบียนตามกฎหมายอยู่ที่ 333 Bay Street ในดาวน์ทาวนโตรอนโต้
บริษัทนำเข้าตลาดหุนนิวยอร์กในชื่อ NYSE: TRI และตลาดหุ้นโตรอนโต้ TSX: TRI
บริษัททอมสัน รอยเตอร์ตั้งโดยบริษัททอมสัน คอร์ปเรชั่นที่ซื้อกิจการสำนักข่าวรอยเตอร์แห่งอังกฤษเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2008 หุ้นใหญ่เป็นของบริษัท The Woodbridge Company หรือเป็นบริษัทโฮลดิ้งของตระกูลทอมสัน
Thomson Reuters ดำเนินการในกว่า 100 ประเทศทั่วโลกมีพนักงานเต็มที่ 60,000 คน (ปัจจุบันเหลือประมาณ 48,000 ราย)
ขอบคุณที่มา: thaitribune.org