ซีอีโอ 100% เอาด้วย!! พร้อมทรานฟอร์มธุรกิจสู่ “กลยุทธ์ดิจิทัล”


“มายรัม” ดิจิทัลเอเยนซี่ชั้นนำ เผยผลสำรวจ “กรุงเทพธุรกิจ 100 CEOs Survey” ระบุถึงความเคลื่อนไหวภายในรอบปีนี้ ได้เปลี่ยนผ่านผู้ประกอบการสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว ซีอีโอ 100% เห็นความสำคัญและเร่งใช้กลยุทธ์ดิจิทัลขับเคลื่อนองค์กร

mirum_uraiporn_polly

อุไรพร ชลสิริรุ่งสกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชั่น

บริษัท มายรัม (ประเทศไทย) จำกัด

 

บริษัท มายรัม (ประเทศไทย) จำกัด เครือข่ายดิจิทัลเอเยนซี่กลุ่ม WPP เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีดิจิทัลของคู่แข่ง และแรงผลักดันจากรัฐบาลส่งผลให้วิสัยทัศน์ซีอีโอเปลี่ยนแปลงสู่การสร้างสรรค์กลยุทธ์ดิจิทัลเข้ากับองค์กร โดยทั้งหมด พร้อมเร่งเครื่ององค์กรสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0

การสำรวจ “กรุงเทพธุรกิจ 100 CEOs Survey” พบว่า “ความคิดเห็นของซีอีโอต่อการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้” ชี้ให้เห็นว่า ซีอีโอเกือบทุกอุตสาหกรรมเห็นความสำคัญและเห็นว่าธุรกิจต้องเร่งปรับตัวรับกระแสเศรษฐกิจดิจิทัล เมื่อเปรียบเทียบระดับการใช้งานดิจิทัลใน 100 องค์กรที่ตอบแบบสอบถาม

โดยสัดส่วน แบ่งเป็น

ดิจิทัล 1.0 มีการใช้อินเตอร์เน็ตและเว็บไซต์ทั่วไป

9.41%

ดิจิทัล 2.0 มีแพลตฟอร์มของการตลาดที่สื่อสารตรงกับผู้บริโภคได้ อาทิ โซเชียลมีเดีย ในวงกว้าง

28.24%

ดิจิทัล 3.0 มีระบบการสื่อสารแบบคลาวด์คอมพิวติ้ง สามารถเชื่อมการทำงานต่างแพลตฟอร์ม

48.24%

ดิจิทัล 4.0 เริ่มใช้กลยุทธ์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเพื่อธุรกิจ ให้การสื่อสารและการทำงานเกิดขึ้นเองอัตโนมัติ

14.12%

 

การสำรวจครั้งนี้ ยังพบว่าซีอีโอกว่า 65.88% เข้าใจและเร่งปรับตัวสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นแล้ว 22.35% เริ่มเรียนรู้แต่ยังต้องศึกษาอยู่ ในขณะที่องค์กรใหญ่ๆ ในสัดส่วน 11.76% ระบุชัดว่าองค์กรของตนเข้าใจดีมากและก้าวเป็นผู้นำที่มีศักยภาพด้านการใช้กลยุทธ์ดิจิทัลในภาคธุรกิจของตัวเอง สอดคล้องกับความเห็นต่อแนวโน้มทางธุรกิจในประเทศไทยที่ต้องปรับตัวรับกระแสเศรษฐกิจดิจิทัลที่สูงถึง 91.67% มากกว่าการปรับตัวสู่การค้าเออีซีที่มีอันดับรองลงมาที่ 40.48% เกือบเท่าตัว

นอกจากนั้น อิทธิพลของเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจในระยะ 1-2 ปี นับจากนี้ พบว่า

การใช้งานประเภทโซเชียลมีเดียและแอพพลิเคชั่นยังคงได้รับความนิยมจากบรรดาซีอีโอไทย

39.29%

ในขณะที่อีคอมเมิร์ซ หรือ ออมนิแชแนล และระบบลูกค้าสัมพันธ์มีสัดส่วนตามมาที่ใกล้เคียงกัน

26.19% และ 22.62%

และกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าเริ่มมองหาเทคโนโลยีของระบบควบคุมการผลิตทางไกลผ่านอินเตอร์เน็ต

11.9%

****ซึ่งคาดว่าน่าจะมีอัตราเติบโตในส่วนนี้ได้อีก หากนวัตกรรมการผลิตและสินค้าของไทยพัฒนาตามตลาดโลกได้ทัน

       มายรัม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบการ ในการนำองค์กรสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นว่า หลักการง่ายๆ เริ่มจากเข้าใจความสามารถและเป้าหมายในองค์กรแต่ละส่วน การเลือกใช้เครื่องมือจะมากน้อยขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจ นโยบายและการวางกลยุทธ์ดิจิทัลแตกต่างกันตามตัวแปรที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจ โดยค่อยๆ ปรับกลยุทธ์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นทีละส่วน ทั้งฝ่ายขาย ฝ่ายบริการลูกค้า ฝ่ายผลิต ฝ่ายการเงิน ฯลฯ จนครอบคลุมทั้งองค์กร นอกจากนี้ ยังขยายผลสู่ระบบงานร่วมกันกับคู่ค้าได้ด้วย เพื่อให้ทำงานประสานสอดคล้องกันและช่วยเหลือด้านองค์ความรู้และทรัพยากรส่วนกลางที่สามารถใช้ได้ร่วมกันได้

นอกเหนือจากอีคอมเมิร์ซ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาบริหารร่วมกับระบบลูกค้าสัมพันธ์ CRM  จะเป็นสิ่งที่จะช่วยพัฒนาการทำงานโดยเฉพาะการสนับสนุนงานขายให้องค์กรได้อีกมาก “ดิจิทัล” ไม่ใช่เป็นส่วนที่แยกออกจากธุรกิจอีกแล้ว แต่ไม่ว่าลูกค้าหรือคู่แข่งต่างก็ใช้สมาร์ทโฟนหรือดิจิทัลในมือสืบหาข้อมูลหรือซื้อขายได้ทันที ทำให้ขั้นตอนการซื้อขายและการดูแลลูกค้าผ่านออนไลน์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

          สิ่งที่ “ซีอีโอ” ควรเตรียมตัวและคาดการณ์ได้ก่อน คือ นวัตกรรมจากผู้เล่นหน้าใหม่ที่พร้อมเข้าแข่งขันในอุตสาหกรรมเดียวกับเราได้เสมอ

………จากนี้ไปอนาคตของการแข่งขันในตลาดทุกอุตสาหกรรม จำเป็นต้องพึ่งพานวัตกรรม innovation ให้เกิดขึ้นในองค์กร เนื่องจากผู้บริโภคในยุคดิจิทัลเป็นคนกำหนดความต้องการและเป็นผู้เลือกสินค้าและบริการเอง ธุรกิจจึงต้องปรับตัวจัดแผนรุกหรือตั้งรับให้ทัน ปัจจัยทั้งหลาย อาทิ วิสัยทัศน์ กลยุทธ์ดิจิทัล การลงทุน นวัตกรรม ทีมปฏิบัติงานและพันธมิตร คือสิ่งสำคัญที่จะเร่งเครื่องให้ธุรกิจถึงเป้าหมายได้ในยุคไทยแลนด์ 4.0 ปัจจัยที่จะดึงดูดลูกค้า คือ ความเร็ว ง่าย สะดวก มีบริการที่แตกต่าง จะสร้างผลลัพธ์ที่ผู้ประกอบการต้องการได้…..