เขย่าวงการ! สองเจ้าพ่อขนมขบเคี้ยว “กูลิโกะ” จับมือ “เถ้าแก่น้อย” ออกผลิตภัณฑ์ใหม่


หากเอ่ยถึงขนมขบเคี้ยวในเมืองไทย เชื่อว่าใครหลายคนคงไม่มีใครไม่รู้จัก “กูลิโกะ” ขนมปังบิสกิตเคลือบช็อกโกแลตที่มีผลิตภัณฑ์อยู่ในมือมากมายและเป็นที่รู้จักกันดี ไม่ว่าจะเป็น ป๊อกกี้ โคลอน เพรทซ์ แอลฟี่  ฯลฯ รวมถึงอีกแบรนด์นึงที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้ นั่นคือ “เถ้าแก่น้อย” ผลิตภัณฑ์สาหร่ายปรุงรสที่ถูกใจเป็นนิยมของผู้คนในปัจจุบัน

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสองแบรนด์จับมือกัน

ด้วยมุมมองที่เห็นโอกาสทางด้านการตลาดทำให้ทั้งสองแบรนด์จับมือร่วมกันผนึกกำลังออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ เพรทซ์ เถ้าแก่น้อย รสโนริสาหร่าย จากการเปิดเผยถึงที่มาที่ไปในเรื่องนี้ของคุณกฤษฎา นุรักษ์เข ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป กลุ่มงานการขาย บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทได้ร่วมมือกับเถ้าแก่น้อย ร่วมกันพัฒนาบิสกิตแท่งรสชาติใหม่ภายใต้แบรนด์ “คือ เพรทซ์ เถ้าแก่น้อย รสโนริสาหร่าย” ซึ่งถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่จากการร่วมมือกันครั้งแรก

มาดูกันที่คุณอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการร่วมมือในครั้งนี้ว่า กว่าจะผลิตตัวใหม่นี้จะออกมาได้ ทั้งสองบริษัทได้ใช้เวลาร่วมเกือบ 1 ปี สำหรับการวิจัยและพัฒนาสินค้าจนออกมาเป็นบิสกิตแท่งรสโนริ สาหร่าย ที่มีรสชาติกลมกล่อม เข้มข้น ผสมผสานอย่างลงตัว สอดรับกับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ รวมถึงเทรนด์รักสุขภาพที่กำลังอยู่ในกระแส ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน

กลยุทธ์ทางการตลาดของสองแบรนด์

กลยุทธ์การทำการตลาดของ “กูลิโกะ” นั้นมีการกระจายสินค้าไปครบทุกช่องทาง อีกทั้งมีการสร้างความรู้ให้กลุ่มผู้บริโภคผ่านกิจกรรมต่างๆทั้งในออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมตั้งเป้าหมายถึงผลิตภัณฑ์บิสกิตแท่งรสโนริ สาหร่าย จะจำหน่ายหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว

ด้านกลยุทธ์ของ “เถ้าแก่น้อย” นั้นจะใช้จุดแข็งของ “กูลิโกะ” ในด้านช่องทางร้านค้าสมัยใหม่ (Modern Trade)  ทั้งร้านสะดวกซื้อ ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต มาผสมผสานกับจุดแข็งของตนเองที่มีร้านค้าของตัวเอง ทั้งหมด 7 สาขา แบบครบวงจรทั้ง Above the line และ Below the line

การร่วมมือในครั้งนี้ของ “กูลิโกะ” และ “เถ้าแก่น้อย” จะช่วยขยายฐานกลุ่มลูกค้าจากเดิมของทั้งสองแบรนด์ที่ขอบผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับขนมบิสกิตและสาหร่าย

สองเจ้าพ่อตลาดขนมคบเขี้ยว

เมื่อเรามาดูข้อมูลด้านการตลาดจะพบว่าทั้ง “กูลิโกะ” และ “เถ้าแก่น้อย” ต่างเป็นผู้นำในตลาดทั้งในด้านบิสกิตและสาหร่ายปรุงรส ตามลำดับ โดยในปี 2559 “กูลิโกะ” มีส่วนแบ่งทางการตลาดบิสกิต 18% จากมูลค่าตลาดรวมทั้ง 12,000 –15,000 ล้านบาท

ด้าน “เถ้าแก่น้อย” ไม่เพียงเป็นผู้นำทางด้านสาหร่ายปรุงรสในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังติดอันดับ 3 ในเอเชียอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ส่งออกไปยัง 35 ประเทศทั่วโลก มุ่งเน้นตลาดจีนเป็นหลักตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 70% จากเดิมอยู่ที่ 65% โดยในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นร้อยละ 25 จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,500 ล้านบาท

 

ขอขอบคุณรูปภาพจาก Marketeer