รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
การกอดไม่ได้เป็นเพียงการแสดงความรัก ความเสน่หาเท่านั้น แต่การกอดยังมีผลต่อสุขภาพและสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคร้ายเช่น โรคหัวใจและภาวะซึมเศร้า เรามาดูกันว่าประโยชน์ของการกอดมีอะไรบ้าง
นอกจากนี้ สถาบันวิจัยการสัมผัส คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยไมอามี่ สหรัฐอเมริกาพบว่า พลังของการสัมผัสมีผลกระทบต่อกระบวนการบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยของเด็ก และยังมีผลต่อการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคหิด ผิวหนังอักเสบ และความเครียดจากอาการบาดเจ็บต่าง ๆ รวมทั้งสามารถใช้ได้ผลกับเด็กทารกที่ได้รับเชื้อเอชไอวี ทารกคลอดก่อนกำหนดจากแม่ที่ติดยาเสพติด และทารกผิดปกติ โดยจะให้ประโยชน์ด้านจิตใจ และผลที่วัดได้ ทางการแพทย์ การกอดสามารถทำได้ทั้งครอบครัวจะช่วยลดช่องว่างของความห่างเหิน แถมเติมเต็มความรักให้แก่กันการกอดยังช่วยพัฒนา EQ ให้แก่ลูกน้อย การกอดจะช่วยเอาชนะความท้อและความกลัว สัมผัสแห่งการกอดเป็นการบอกให้คน ๆ หนึ่งรับรู้ว่า เขายังมีคนที่พร้อมคอยเคียงข้าง เข้าใจ และมอบความปรารถนาดีให้เขาเสมอ ซึ่งจะทำให้เขาสามารถมีกำลังใจและสามารถขึ้นมาต่อสู้กับปัญหาได้ใหม่ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง สำหรับผู้สูงอายุ การกอดทำให้ผู้สูงอายุมีภาวะสุขภาพดีขึ้น มีความกระตือรือร้น มีความต้องการที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป และมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มากขึ้น และยังช่วยบรรเทาความเจ็บป่วย ซึมเศร้าและความวิตกกังวลให้ผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี การกอด จะทำให้ผู้ที่กอดกันรู้สึกถึง
เวอร์จิเนียร์ ซาเทียร์ นักจิตบำบัดชาวอเมริกาได้กล่าวไว้ว่า “คนเราต้องการกอดกันวันละ 4 ครั้งเพื่อการดำรงชีวิต กอดกันวันละ 8 ครั้งเพื่อการดำเนินชีวิต และกอดกันวันละ 12 ครั้งเพื่อการเจริญเติบโต” ที่สำคัญ การจะได้รับประโยชน์จากการกอด ทั้งผู้กอดและผู้ถูกกอดต้องมีความรู้สึกยินยอม ดังนั้นการให้เกียรติจึงเป็นพื้นฐานของการกอด โดย สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย