2 แบรนด์เครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ ลุยซื้อธุรกิจรับเทรนด์สุขภาพ


ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งเลือกตั้งเสร็จสิ้นไปได้ไม่นานก็ไม่ทำให้กลบประเด็นภาษีเครื่องดื่มน้ำหวานไปได้ โดยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานั้นมีการประกาศใช้ภาษีนี้ในหลายๆเมือง ทำให้ราคาน้ำอัดลมถูกขยับเพิ่มขึ้นเป็น 1.44 เหรียญสหรัฐต่อแพ็ก (1 แพ็กเท่ากับ 1 โหล) โดนคาดว่าแต่ละเมืองจะได้เม็ดเงินจากการปรับภาษีเครื่องดื่มน้ำหวานมากวสุดถึง 15 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดเมืองและประชากร

โดยทางด้านผู้ผลิตน้ำอัดลมต่างก็พากันปรับกลยุทธ์และวางแผนการตลาดรับมือการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแตกไลน์สินค้า การคิดค้นเครื่องดื่มสูตรใหม่ รวมไปถึงการซื้อกิจการจากผู้ผลิตน้ำรายอื่นอีกด้วย

ซึ่งผู้ผลิตน้ำอัดลมค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง “เป๊บซี่ โค” ผู้ผลิตเป๊ปซี่ และ “ด็อกเตอร์ เป๊ปเปอร์ สเนปเปิลกรุ๊ป” เจ้าของแบรนด์น้ำอัดลมชเวปส์และเซเว่นอัพ ที่ต่างทุ่มงบประมาณหลายพันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อซื้อกิจการบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มสุขภาพเพื่อปรับตัวรับเทรนด์สุขภาพที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้

shutterstock_185432465

ซึ่งทางด้าน “ด็อกเตอร์ เป๊ปเปอร์ สเนปเปิลกรุ๊ป” ได้กิจการ ไบแบรนด์ ที่มีความโดดเด่นในการใช้วัตถุดิจากธรรมชาติและมีสารต้านอนุมูลอิสระ ด้วยจำนวนเงินถึง 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐด้วยกัน โดยหลังจากซื้อกิจการแล้วทาง ด็อกเตอร์ เป๊ปเปอร์ คาดว่าจะมียอดขายในปี 60 ประมาณ 132 ล้านเหรียญสหรัฐ

shutterstock_173048903

ส่วนทางด้าน “เป๊ปซี่ โค” ได้ลงทุนซื้อกิจการ “คีวิตา อิงก์” ผู้ผลิตเครื่องดื่มแบบโปรไบโอติก ซึ่งเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมาตีตลาดเทรนด์สุขภาพในตอนนี้เช่นกัน ซึ่งราคาซื้อกิจการไม่ได้รับการเปิดเผย แต่คาดว่ามีราคาสูงไม่แพ้กัน