ไม่ใช่แค่เด็ก คุณอาจเป็นโรคสมาธิสั้น !!


จั่วหัวมาขนาดนี้เพราะหลายคนมีอาการของโรคสมาธิสั้น ซึ่งอาจสร้างปัญหาในเรื่องการทำงานกับผู้อื่น โดยเฉพาะการขับขี่ยานพาหนะที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ วันนี้เราจึงขอทำความเข้าใจโรคสมาธิสั้นให้ลึกลงไป โดยได้นำบทความของ  น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ซึ่งท่านได้ให้ความรู้โรคสมาธิสั้นไว้อย่างน่าสนใจว่า โรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder)ไม่ใช่อาการที่พบได้เฉพาะวัยเด็กเท่านั้น วัยหนุ่มสาวหรือวัยผู้ใหญ่ ก็พบได้เช่นกัน ซึ่ง สมาธิสั้นในผู้ใหญ่จะไม่ซนเหมือนในเด็ก แต่จะมีปัญหาเรื่องการวางแผน การแก้ไขปัญหา หงุดหงิด สมาธิไม่ดี ทำงานไม่เสร็จ เพราะมีความผิดปกติของสมองส่วนหน้าที่เกี่ยวข้องกับความคิด การวางแผน การบริหารจัดการชีวิตในเรื่องต่างๆ (Executive Functions-EF) อาการที่พบบ่อย คือ วอกแวกง่าย ฟังอะไรจับใจความไม่ค่อยได้ ทำงานไม่เสร็จทันเวลาที่กำหนด ขาดความสามารถในการบริหารจัดการเวลาที่ดี ทำงานผิดพลาดบ่อย หาอะไรไม่ค่อยเจอ ผัดวันประกันพรุ่ง มาสายเป็นประจำ หุนหันพลันแล่น ขาดความยับยั้งชั่งใจ ไม่คิดก่อนทำ ทำตามใจชอบ อารมณ์ขึ้นลงเร็ว โกรธง่าย หายเร็ว มีปัญหากับบุคคลรอบข้างบ่อยๆ เบื่อง่าย คอยอะไรนานๆ ไม่ค่อยได้ เครียด หงุดหงิดง่าย บางคนซึมเศร้าและวิตกกังวล นอนไม่หลับ เสี่ยงต่อปัญหาการติดสุราและยาเสพติดอื่นๆ รวมทั้ง มีปัญหาเรื่องการขับรถและประสบอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าคนปกติ เพราะไม่มีใจจดจ่อ จึงมักมีปัญหาเรื่องขับรถเร็วเกินพิกัดและฝ่าฝืนกฎจราจร เป็นต้น ดังนั้น หากสงสัยว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดเป็นโรคสมาธิสั้นหรือไม่นั้น ทางที่ดีควรรีบพบจิตแพทย์ เพื่อทำการประเมิน วินิจฉัย และให้การรักษาอย่างถูกต้องต่อไป ซึ่ง การรักษาโรคสมาธิสั้นนั้น รักษาได้ด้วยยาและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ การรับประทานยาจะอยู่ภายใต้การวินิจฉัยและกำกับดูแลโดยแพทย์ ซึ่งโรคนี้เกิดจากสารเคมีในสมองส่วนหน้าไม่สมดุล การกินยาจะช่วยทำให้สมาธิดีขึ้นได้ และสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น โดยส่วนใหญ่รักษาหายหรือควบคุมอาการได้ สามารถทำงานและใช้ชีวิตปกติได้ มีเพียงประมาณ ร้อยละ 30 ที่อาการอาจแย่ลงและมีปัญหาพฤติกรรม เช่น ติดยา ก้าวร้าว ครอบครัวและผู้ใกล้ชิด จึงต้องให้ความร่วมมือในการดูแล ให้กำลังใจและความเข้าใจ วิธีการปฏิบัติตัวหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น 1. ฝึกอารมณ์ตนเอง ไม่ดีใจหรือเสียใจเร็วเกินไป 2. รู้จักสังเกตอารมณ์ของผู้อื่น รู้จักรอคอย รับฟัง เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพื่อลดปัญหาการอยู่ร่วมกับผู้อื่น 3. ลดพฤติกรรมใจร้อนหุนหันพลันแล่น เช่น ควรขับรถให้ช้าลง4. จัดตารางเวลาในการทำงานและใช้ชีวิต มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า5.จัดวางสิ่งของเครื่องใช้ให้เป็นระเบียบเป็นที่เป็นทาง 6. ทำประโยชน์ให้กับตัวเองและผู้อื่น เพื่อสร้างความภาคภูมิใจ เสริมความมั่นใจ และความมีคุณค่าให้ตัวเอง 7.พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ 8. รับประทานอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหารประเภทน้ำตาลและคาเฟอีน และ 9.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นโรคสมาธิสั้น หากได้รับการวินิจฉัยและรับการรักษาได้เร็ว จะทำให้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างไม่ลำบาก อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว