หนีหนี้ขึ้นดอย จุดเริ่มของ “กาแฟวาวี” พลิกชีวิตด้วยเมล็ดกาแฟ


ธุรกิจยอดฮิตที่เปิดจนนับไม่ถ้วนคงจะหนีไม่พ้นธุรกิจร้านกาแฟที่หันไปทางไหนก็เจอ ถึงแม้จะมีความเสี่ยงไม่น้อยในการทำธุรกิจแล้วจะล้ม แต่ก็ยังมีนักธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่อยากลงทุนทำธุรกิจนี้ ซึ่งร้านกาแฟวาวี ก็เป็นอีกร้านกาแฟชื่อดังที่เริ่มธุรกิจแบบผู้มีฝันของหนุ่มเอเจนซี่โฆษณา คุณไกรสิทธิ์ ฟูสุวรรณ ผู้ก่อตั้งธุรกิจร้านกาแฟวาวีที่การทำธุรกิจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

คุณไกรสิทธิ์ ฟูสุวรรณ หนุ่มเอเจนซี่โฆษณาผู้ฝันอยากมีธุรกิจส่วนตัวในบ้านเกิด แต่ชีวิตต้องพลิกผันเพราะเศรษฐกิจ จนต้องหนีหนี้ขึ้นดอย และที่นั่นคือจุดเริ่มของกาแฟวาวีที่คนไทยรู้จักกับรสชาติกาแฟที่มีเอกลักษณ์ บรรยากาศที่แสนอบอุ่น เรียกได้ว่าไม่แพ้แบรนด์กาแฟชื่อดังในต่างประเทศ กับการเริ่มต้นธุรกิจร้านกาแฟเล็กๆเพื่อกู้สถานการณ์ครอบครัว จากคนไม่ดื่มกาแฟ กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของกาแฟ รวมไปถึงการปลูกเมล็ดกาแฟที่ทำให้กาแฟวาวีเริ่มต้นและสำเร็จจนถึงทุกวันนี้

กว่าจะมาเป็นร้านกาแฟวาวี….

เริ่มแรกเเดิมทีต้องย้อนไปเมื่อ 20 ปีที่แล้วทางคุณไกรสิทธิ์ได้ย้ายที่ทำงานจากกรุงเทพมาทำงานที่บ้านเกิดตัวเองเนื่องจากเบื่อกับปัญหาการจราจร ซึ่งก็กลับมาทำงานที่บ้านทำเกี่ยวกับด้านศิลปะ ทำโฆษณาซึ่งเป็นด้านที่คุณไกรฤกษ์ถนัดซึ่งในตอนนั้นถือได้ว่าประสบความสำเร็จในการทำงานเป็นอย่างมาก แต่ต่อมาในปี 40 ที่ฟองสบู่แตกพยายามทำหลายๆธุรกิจที่คิดว่าจะประสบความสำเร็จแต่ก็ไปไม่รอดจนเป็นหนี้สิน จนได้คำแนะนำจากอาให้ลองศึกษาเรื่องกาแฟดูเพราะในตอนนั้นพื้นที่ชาวเขาส่วนใหญ่ปลูกกาแฟกันแต่ก็ยังไม่มีใครรู้วิธีการทำตลาดหรือรู้ช่องทางการขาย โดยเริ่มศึกษาการทำกาแฟอย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2542 – 2543 ตั้งแต่กระบวนการปลูกกาแฟไปจนถึงกระบวนการทำกาแฟซึ่งเป็นการทดลองด้วยตัวเอง ลองผิดลองถูกผสมผสานรสชาติจากกาแฟแบรนด์นอกกับแบรนด์ไทยจนลงตัวได้มาเป็นกาแฟวาวีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนมาเปิดร้านแถวปางช้างหลังจากศึกษากระบวนทำกาแฟมาเป็นเวลา 9 เดือนกว่าที่จะมาเป็นร้านกาแฟวาวีด้วยเงินลงทุน 7-8 หมื่นบาทและหวังว่าร้านกาแฟร้านนี้จะทำกำไรให้กับเขาแต่แล้วเมื่อเปิดขายวันแรกก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ขายได้เพียง 87 บาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คุณไกรสิทธิ์ต้องมาขบคิดว่าทำไมร้านของเราถึงขายไม่ได้ทั้งที่คิดไว้ว่าเรารู้เรื่องกาแฟเป็นอย่างดีแล้ว

สู้ต่อตามสไตล์วาวี……

เมื่อทุกสิ่งไม่เป็นอย่างที่คิดทำให้คุณไกรฤกษ์ต้องคิดถึงสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นว่าทำไมคนถึงไม่ซื้อกาแฟเรา จนมาพบว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากชาวต่างชาติกลัวเรื่องน้ำที่จะนำมาทำกาแฟ ซึ่งน้ำในสมัยก่อนจะเป็นน้ำขวดโพลาลิตรซะส่วนใหญ่จึงทำให้ชาวต่างชาติคิดว่าน้ำที่นำมาใช้ทำกาแฟจะไม่มีคุณภาพ ซึ่งทางคุณไกรสิทธิ์แก้ไขด้วยการนำน้ำที่ใช้ทำกาแฟมาโชว์หน้าร้านและบอกให้ชาวต่างชาติรู้ว่าเรานำน้ำที่มีคุณภาพมาทำกาแฟซึ่งเมื่อแก้ไขตรงนี้ก็ทำให้ยอดขายเพิ่มจากเดิมเรื่อยๆจนมาวันนึ่งเจ้าของที่มาขอให้คุณไกรสิทธิ์ย้ายออกเนื่องจากทำให้ร้านของเจ้าของที่ขายไม่ได้ และนั่นเองถือเป็นจุดพลิกผันอีกครั้งนึงที่ทำให้เขาต้องลุกขึ้นมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่แล้ววันนึงก็มีเพื่อนชักชวนไปเปิดร้านกาแฟแถวนิมมานเหมินท์ ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่แต่เดิมเป็นนักท่องเที่ยว 100% กลับเปลี่ยนเป็นผู้คนที่อยู่แถวนั้น รวมไปถึงนักเรียน นักศึกษาแทน ซึ่งในช่วงนี้เป็นช่วงของการพัฒนาสูตรไปเรื่อยๆจากคำแนะนำของลูกค้าซึ่งกว่า 8-9 เดือนเป็นช่วงของการขายและแจกทดลองชิมปรับปรุงสูตรไปเรื่อยๆกว่าที่จะได้สูตรการทำกาแฟที่ลงตัวถูกใจลูกค้าแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ทำให้วาวีเป็นที่รู้จักได้

ด้วยโชคชะตาที่เป็นใจเพื่อนของคุณไกรสิทธิ์ต้องย้ายไปอยู่กรุงเทพฯจึงจำเป็นที่จะต้องขายที่ คุณไกรสิทธิ์จึงตัดสินใจซื้อที่เพื่อทำร้านกาแฟให้ดีขึ้นกว่าร้านเดิม ด้วยการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์สไตล์เด็กศิลป์ บวกกับรสชาติกาแฟที่ถูกใจลูกค้าทำให้ร้านกาแฟวาวีประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักในตอนนั้นอย่างกว้างขวาง

จากความใส่ใจตั้งแต่กระบวนการปลูกกาแฟ ไปจนถึงกระบวนการผลิตที่ส่งถึงมือลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบ การตกแต่งร้านที่ลงตัว และการบริการที่ใส่ใจลูกค้าอย่างเป็นกันเองถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของร้านกาแฟวาวีที่ยากจะเลียนแบบและทำให้ธุรกิจร้านกาแฟวาวีประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้