รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
วัตถุดิบ
วิธีทำ
1. นำแครกเกอร์ไปบดละเอียดในเครื่องปั่นเพื่อใช้ทำเป็นฐานพาย บดจนเนื้อแครกเกอร์เซทตัวกันสามารถทำเป็นฐานพายได้ จากนั้นนำแครกเกอร์มาใส่ในฐานพิมพ์ที่เตรียมไว้แล้วจึงนำไปแช่ในตู้เย็นเพื่อให้แครกเกอร์เซทตัวเป็นฐานโดยแช่ไว้ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง
2. ผ่าอะโวคาโดออกเป็น 4 ส่วนโดยนำเมล็ดออกและใส่อะโวคาโดที่หั่นแล้วลงไปในเครื่องบดโดยปอกเปลือกออก จากนั้นเติมน้ำมันถัวเหลืองเพื่อเพิ่มความมันเล็กน้อย ใส่อินทผาลัมลงไปเพื่อเพิ่มความหวานและให้เนื้อจับกันได้ดี ปั่นจนกว่าเนื้อจะเนียน
3. เมื่อได้เนื้อที่เนียนเข้ากันแล้วจากนั้นเติมผงวานิลาลงไปเล็กน้อยเพื่อเพิ่มกลิ่นให้น่ารับประทาน และใส่ผงโกโก้ตามไป โดยอัตราส่วนของผงโกโก้นั้นขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล ต่อด้วยใส่น้ำผึ้งลงไป ปั่นให้เนื้อเนียนเข้ากันอีกครั้ง
4. ใส่น้ำมันมะพร้าวลงไปเล็กน้อยขณะที่เครื่องปั่นกำลังปั่นเพื่อให้เนื้อเนียนและฟูขึ้น
5. นำฐานแครกเกอร์ที่แช่ตู้เย็นออกมา จากนั้นเทส่วนผสมลงไปในฐาน ปิดฝาและนำไปแช่ในตู้เย็นอีกครั้งเพื่อให้ส่วนผสมทุกอย่างเซทตัว ซึ่งระยะเวลาการแช่นั้นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง (เนื่องจากส่วนผสมที่นำมาทำไม่มีส่วนผสมของเจลลาตินจึงทำให้ส่วนผสมใช้เวลาเซทตัวนานสักเล็กน้อย)
6. เมื่อครบ 2 ชั่วโมงแล้วนำออกมาจากตู้เย็น ตกแต่งเล็กน้อยด้วยผลไม้ชนิดต่างๆตามใจชอบ เพียงเท่านี้ทาร์ทช็อกโกแลตอะโวคาโดก็จะมีหน้าตาและรสชาติที่น่ารับประทานกันแล้ว นอกจากความอร่อยที่ได้แล้วยังสามารถทำขายเป็นอาชีพได้อีกด้วย
ทริค
1. เลือกใช้อะโวคาโดที่มีสีน้ำตาลดำมาทำ เนื่องจากอะโวคาโดที่ยังไม่สุกจะมีสีเขียวซึ่งเมื่อทานเข้าไปปริมาณมากๆจะทำให้เกิดอาการวิงเวีนยศรีษะจึงต้องเลือกอะโวคาโดที่สุกแล้วซึ่งจะออกสีน้ำตาลดำนั่นเอง ซึ่งเราจะรู้ได้ว่าอะโวคาโดสุกหรือไม่นั้นก็จากการกด อะโวคาโดที่สุกแล้วจะให้สัมผัสที่นิ่มไม่แข็ง
2. อะโวคาโดเมื่อนำเมล็ดออกแล้วนั้นจะคล้ำง่ายจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ทำอาหารในทันทีไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เพราะจะทำให้มีสีที่ไม่น่ารับประทาน หรือถ้าหากต้องทิ้งไว้นานสามารถนำอะโวคาโดใส่มะนาวเล็กน้อยก็จะทำให้สีของอะโวคาโดคงสภาพไว้ได้